หยุดหลังการอ่าน และ อ่านตามให้ได้สำเนียง + สะกดตามตัวช้าๆ ชัดถ้อย ชัดคำ A-Z ออกเสียงถูกต้องด้วย เดี๋ยวจะหาว่าเราสะกดผิด
วันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
วันอาทิตย์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
word UP consumed 1/4 of dictionary page
Read until the end.....you'll laugh....
This two-letter word in English has more meanings than any other two-letter word, and that word
is 'UP.' It is listed in the
dictionary as an [adv], [prep], [adj], [n] or [v].
It's easy to understand UP, meaning toward the sky
or at the top of the list, but when we awaken in the morning, why do we
wake UP?
At a meeting, why does a topic come UP? Why do
we speak UP, and why are the
officers UP for
election and why is it UP to the secretary to
write UP a
report? We call UP our friends,
brighten UP a room, polish UP the
silver, warm UP the leftovers and clean UP the kitchen. We
lock UP the house and
fix UP the old
car.
At other times this little word has real special
meaning. People stir UP trouble,
line UP for
tickets, work UP an appetite, and think UP excuses.
To be dressed is one
thing but to be dressed UP is
special.
And this UP is confusing: A
drain must be opened UP because it is stopped UP.
We
open UP a store in the morning but we close it UP at
night. We seem to be pretty mixed
UP about UP !
To be
knowledgeable about the proper uses of UP, look UP the word UP in the dictionary.. In a desk-sized
dictionary, it takes UP almost 1/4 of the page and can add UP to about
thirty definitions
If you are UP to it, you might try building UP a list of the many ways UP is used. It will take UP a lot of your time, but if you don't give UP, you may
wind UP with a hundred or
more.
When it threatens to rain, we say it is
clouding UP . When the sun comes out
we say it is clearing UP. When it rains, it
soaks UP the
earth. When it does not rain for awhile, things dry UP. One could go on & on, but I'll wrap
it UP, for now ........my time is UP !
Oh....one more thing:
What is the first thing you
do in the morning & the last thing you do at
night?
U
P !
Did that one crack you UP?
Don't mess UP. Send this on to everyone you
look UP in your address
book..or not...it's UP to you.
Now
I'll shut UP
This two-letter word in English has more meanings than any other two-letter word, and that word
is 'UP.' It is listed in the
dictionary as an [adv], [prep], [adj], [n] or [v].
It's easy to understand UP, meaning toward the sky
or at the top of the list, but when we awaken in the morning, why do we
wake UP?
At a meeting, why does a topic come UP? Why do
we speak UP, and why are the
officers UP for
election and why is it UP to the secretary to
write UP a
report? We call UP our friends,
brighten UP a room, polish UP the
silver, warm UP the leftovers and clean UP the kitchen. We
lock UP the house and
fix UP the old
car.
At other times this little word has real special
meaning. People stir UP trouble,
line UP for
tickets, work UP an appetite, and think UP excuses.
To be dressed is one
thing but to be dressed UP is
special.
And this UP is confusing: A
drain must be opened UP because it is stopped UP.
We
open UP a store in the morning but we close it UP at
night. We seem to be pretty mixed
UP about UP !
To be
knowledgeable about the proper uses of UP, look UP the word UP in the dictionary.. In a desk-sized
dictionary, it takes UP almost 1/4 of the page and can add UP to about
thirty definitions
If you are UP to it, you might try building UP a list of the many ways UP is used. It will take UP a lot of your time, but if you don't give UP, you may
wind UP with a hundred or
more.
When it threatens to rain, we say it is
clouding UP . When the sun comes out
we say it is clearing UP. When it rains, it
soaks UP the
earth. When it does not rain for awhile, things dry UP. One could go on & on, but I'll wrap
it UP, for now ........my time is UP !
Oh....one more thing:
What is the first thing you
do in the morning & the last thing you do at
night?
U
P !
Did that one crack you UP?
Don't mess UP. Send this on to everyone you
look UP in your address
book..or not...it's UP to you.
Now
I'll shut UP
วันเสาร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
คณิตคิดเร็ว จากพระเวทอินเดียโบราณ
Dear บวก ลบ คูณ หาร Online
เกมฝึกสมอง
หน้าที่ 1 - เทคนิคคิดในใจ ง่ายเหลือเชื่อ
การค้นพบนี้เกิดจาก Swami Bharathi Krishna Tirthaji นักศึกษาชาวฮินดู ได้ทำการศึกษาในคัมภีร์พระเวทของอินเดีย(Vedas)โบราณซึ่งมี 16 สูตร ในการ บวก ลบ คูณ หาร ในปี 1965
เทคนิคการคูณเลข 11สำหรับเลข 2 หลัก
ตัวอย่าง เช่น
27x11
วิธีที่แนะนำคือ
27 นำ 2 ไว้ข้างหน้า นำ 7 ไว้ข้างหลัง เว้นช่องว่างไว้ตรงกลางก็จะได้
ดังนี้ 2 7
หลังจากนั้นก็นำเลขทั้ง 2 เลขมาบวกกัน ซึ่งได้ 9(7+2=9)
หลังจากนั้นนำ 9 ไว้ตรงกลางระหว่าง 2 กับ 7 ก็จะได้
297
แต่ถ้าเป็นเลขเยอะหล่ะทำไงดี
เช่น
89x11
วิธีนี้ก็ทำแบบที่แนะนำคือ
89
|
V
8 9
8+9
แล้วตัวเลขตรงกลางก็จะได้ 17 ผลที่ได้จะเป็นอย่างนี้ 8179 แต่ช้าก่อน ถ้าผลบวกที่ได้มากกว่า 9 ให้นำไปบวกทดในหลักต่อไป นั่นคือ 1+ 8 = 9 คำตอบคือ 979
(เครดิต :http://community.thaiware.com/thai/lofiversion/
index.php/t315499.html)
เทคนิคการคูณเลข 11สำหรับเลข 3 หลัก
เช่น 11×768= 8448
(1) ขั้นตอนแรกยกเลข 8 จาก 768 สำหรับเป็นหลักหน่วยของคำตอบ
(2) ขั้นตอนที่สองเอาเลข 8 (หลักหน่วย) + 6 (หลักสิบ) = 14 บวกแล้วมากกว่า 9 ทดไว้ในขั้นถัดไป
(3) ขั้นตอนที่สามเอาเลข 6 (หลักสิบ) + 7 (หลักร้อย) + 1 (ทดจากขั้นที่ 2) = 14 แต่ผลบวกที่ได้ยังมากกว่า 9 ดังนั้นต้องนำไปทดไว้ในขั้นถัดไป
(4) ขั้นตอนสุดท้ายเหลือเลข 7 (หลักร้อย) + 1 (ทดจากขั้นที่ 3) = 8
ดังนั้นก็จะได้คำตอบ = 8448
เทคนิคการคูณเลข 2 หลัก แบบไขว้
ยกตัวอย่าง เช่น 23 x 12
2 3
| × |
1 2
(2×1) (2×2+3×1) (3×2)
2 7 6
(1) ขั้นตอนแรกคูณตัวเลขในหลักทางซ้ายมือ เช่น (2x1=2)
(2) ขั้นตอนที่สองคูณตัวเลขในแนวเส้นทแยงมุมของทั้งสองหลัก แล้วนำมาบวกกัน เช่น (2x2) + (3x1) = 7
(3) ขั้นตอนที่สามคูณตัวเลขในหลักทางขวามือ เช่น (3x2=6)
(4) นำผลลัพธ์ที่ได้มาเรียงต่อกัน คือ 276
ป.ล. แต่ถ้าผลลัพธ์ที่ได้มีตัวใด มากกว่า 9 เช่น (49 35 12) ก็ให้นำตัวเลขแรกของผลลัพธ์ที่มากกว่า 9 นั้นมาบวกกับทางด้านซ้ายของหลักถัดไปเสมอ นั่นคือ 49+3 5+1 2 = 5262
เทคนิคเลขยกกำลัง 2 ของตัวเลข 2 หลัก ที่ลงท้ายด้วย 5
ตัวอย่างเช่น 35 ยกกำลัง 2
วิธีคิดคือ
(1) ขั้นตอนแรก ในที่นี้คือ นำเลขหลักแรก นั่นคือ เลข 3 คูณด้วยตัวเลขที่มีค่ามากกว่าตัวมันอยู่หนึ่ง ซึ่งก็คือ 4
ดังนั้นจะได้ 3x4 = 12
(2) ขั้นตอนที่สอง 5 ยกกำลัง 2 = 25 หรือสามารถจำค่า 25 ไปต่อหลังคำตอบได้เลย
ผลลัพธ์สุดท้ายของ 35 ยกกำลังสอง คือ 1,225 นั่นเอง
เทคนิคเลขยกกำลัง 2 ของตัวเลข 3 หลัก ที่ลงท้ายด้วย
ตัวอย่างเช่น 725 ยกกำลัง 2
มีวิธีคำนวณเช่นเดียวกับจำนวน 2 หลัก คือ 72 x 73 (เลขที่มากกว่า 72 อยู่ 1 ) = 5256 แล้วตามด้วย 5 ยกกำลัง 2 = 25
ผลลัพธ์สุดท้ายก็คือ 525,625
เทคนิคการคูณเลข 9, 99, 999, ....
ตัวอย่างเช่น 999x343=342657
ขอกำหนดเรียกคำดังข้างล่างเพื่อความสะดวก
Base = 999
วิธีการคิด
(1) ขั้นตอนแรกนำตัวเลขชุดที่ไม่ใช่เลข Base ลบ ด้วย 1 นั่นคือ (343-1 = 342)
(2) ขั้นตอนที่สองให้นำตัวเลขBaseไปหักออกจากผลลัพธ์ในข้อ 1 ทีละหลัก คือ (9-3)(9-4)(9-2)=657
ดังนั้นคำตอบที่ได้คือ 342,657
เทคนิคยกกำลัง 2 สำหรับตัวเลขที่ใกล้ 10, 100, 1000, ...
ตัวอย่างเช่น 988 ยกกำลัง 2=976,144
Base = 988
Nearest '0' = 1000
วิธีการคิด
(1) ขั้นตอนแรกนำ (ตัวเลข Base) ลบ (ชุดตัวเลขใกล้ '0' - เลข Base)
นั่นคือ 988-(1000-988)=988-12 =976
(2) ขั้นตอนที่สอง ยกกำลัง2 ของผลต่างระหว่าง Base และ ตัวเลขใกล้ 0 นั่นคือ (1000-988)^2 = 12^2=144
ดังนั้นคำตอบที่ได้คือ 976,144
เครดิต :http://dsin.blogspot.com/2008_05_01_archive.html
เทคนิคการลบเลข ทุกตัวลบจาก 9 และตัวสุดท้ายลบจาก 10
ตัวอย่างเช่น 1,000 - 357 = 643
10,000 - 1,049 = 8951
ถ้า 1,000 - 83 ให้มองว่ามี 0 อยู่ข้างหน้า
เป็น1,000 - 083 = 917
3,000 - 467 ก็ทำเหมือนกัน โดยลบตัวแรกสุดของ 3,000 ไป 1
จากนั้นก็ทำเหมือนเดิม จะได้ว่า 3,000 - 467 = 2,533
เทคนิค VERTICALLY AND CROSSWISE สำหรับตัวเลขที่น้อยกว่าฐานนิด หน่อย
ตัวอย่างเช่น 88x98
88 น้อยกว่า 100 อยู่ 12
98 น้อยกว่า 100 อยู่ 2
12x2 = 24
88-2 หรือ 98-12 ได้ 86
ดังนั้นตอบ 8,624
ดูอีกตัวอย่าง
หรือ
จากการลองดู พบว่า หลักหน่วยต้องใส่ 0 ไปให้เท่ากับ 0 ก่อนฐานด้วย
เช่น 999x998 = 997,002 เป็นต้น
สำหรับตัวเลขที่เกินเลขฐานไปหน่อย
103 x 104 = 10712
คำตอบมีสองส่วน 107 และ 12
107 คือ 103 + 4 (หรือ 104 + 3),
12 คือ 3 x 4.
107 x 106 = 11342
107+6 = 113
7x6 = 42
เทคนิค วิธีหารด้วย 9
23 / 9 = 2 เศษ 5
เลขแรกของ 23 คือ 2 ซึ่งก็คือคำตอบ
เศษ ก็แค่ 2 + 3
43 / 9 = 4 เศษ 7
134 / 9 = 14 เศษ 8
คำตอบประกอบด้วย 1,4 และ 8
1 เป็นตัวเลขตัวแรกของ 134
4 คือผลรวมของสองตัวแรก 1+ 3 = 4
8 คือผลรวมของทั้งสามตัว 1+ 3 + 4 = 8
842 / 9 = 812 เศษ 14 = 92 เศษ 14
เหลือเศษ 14 ไม่ได้ เพราะว่าหารด้วย 9
14 เยอะกว่า 9 อยู่ 5
ดังนั้น คำตอบที่ได้คือ 93 เศษ 5
หน้าที่ 2 - มหัศจรรย์ ตัวเลข
1 * 7 + 1 + 1 = 9
12 * 7 + 12 + 2 = 98
123 * 7 + 123 + 3 = 987
1234 * 7 + 1234 + 4 = 9876
12345 * 7 + 12345 + 5 = 98765
123456 * 7 + 123456 + 6 = 987654
1234567 * 7 + 1234567 + 7 = 9876543
12345678 * 7 + 12345678 + 8 = 98765432
123456789 * 7 + 123456789 + 9 = 987654321
1234567890 * 7 + 1234567890 + 90 = 9876543210
อื่นๆอีกมากมายที่ http://my.dek-d.com/Writer/story/view.php?id=314675
มหัศจรรย์ "22"
1. เขียนตัวเลข 3 หลัก ต้องไม่ซ้ำกันและและไม่มีศูนย์
(เช่น 918)
2. หลังจากนั้น กระจายตัวเลขออกเป็น 6 กลุ่ม ๆ ละ 2 ตัว เพื่อนำมาบวกกัน ได้ผลลัพธ์เท่าไรเก็บไว้ก่อน
(91+19+18+81+98+89=396)
3. หลังจากนั้นให้นำเลข 3 หลักที่เขียนไว้ครั้งแรกมาบวกกัน
(9+1+8 =18)
4. นำผลลัพธ์ของตัวเลข 6 กลุ่มหารด้วยผลบวกของตัวเลข 3 หลักที่เขียนไว้ในครั้งแรก ผลหารจะได้ตัวเลข "22" ทุกครั้ง
(396/18=22)
อ้างอิงจาก http://www.puifai.net/index.php?topic=5522.msg118550
1.618 มหัศจรรย์ที่สุดในโลก
เชื่อหรือไม่ว่าความสูงของคุณหารด้วยความสูงจากพื้นถึงสะดือเท่ากับ 1.618 แล้วยังมีอีกว่าความยาวหัวไหล่ถึงปลายนิ้วมือหารด้วยความยาวจากปลายนิ้วมือถึงข้อศอกก็เท่ากับ 1.618
ภาษากรีกโบราณเรียกว่า PHI (ฟี) หรือบางครั้งถึงกับเรียกว่า อัตราส่วนทองคำ (Gloden ratio) ความมีชื่อเสียงของลำดับฟีโบนักชีเริ่มเป็นที่รู้จักมาตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 13 โดยนักคณิตศาสตร์ชาวอิตาลีกับชื่ออันเป็นที่มาของลำดับนี้ คือ ลีโอนาโด ฟีโบนักชี
ตัวอย่าง สัดส่วนทองคำ เช่น คงทราบว่าผึ้งตัวเมียจะมีจำนวนมากกว่าผึ้งตัวผู้เสมอ แล้วถ้าเราลองนำจำนวนทั้งหมดของผึ้งตัวเมียหารด้วยจำนวนทั้งหมดของผึ้งตัวผู้ไม่ว่ารังใดก็ตามในโลกนี้ ค่าที่ได้ก็คือ 1.618 หรือ PHI นี่แหละ
การจัดเรียงเกสรของดอกทานตะวัน ตาสับปะรด ตาลูกสน เปลือกหอยที่เป็นเกลียวรอบ ต่างก็มีอัตราส่วนของเส้นผ่าศูนย์กลางของแต่ละวงเทียบกับวงถัดไปเท่ากับ PHI ทั้งนั้น
แม้กระทั่งในตัวเราเอง จังหวะการเต้นของหัวใจคนเราจังหวะยาวจะยาวกว่าจังหวะสั้นกี่เท่า เฉลยก็คือประมาณ 1.618 เท่า ซึ่งก็คือ PHI อีกแล้วใช่ไหม
PHI ยังไปปรากฎอยู่ในงานสถาปัตยกรรมและงานศิลปะที่มีความสำคัญต่อ ประวัติศาสตร์มากมาย อย่างภาพวาดโมนาลิซา ผลงานชิ้นเอกของลีโอนาโด ดาวินชี ก็มีอัตราส่วนใบหน้าและร่างกายเท่ากับ PHI วิหารพาร์เธนอนของกรีกและพีระมิดของอียิปต์ก็ใช้ PHI ในการออกแบบโครงสร้าง
หรือแม้แต่ในงานดนตรี PHI ยังปรากฎอยู่ในโครงสร้างการวางระบบของนักประพันธ์เพลงชื่อดัง ทั้งในโซนาต้าของโมซาร์ท ซิมโฟนีหมายเลขห้าของเบโธเฟน แม้แต่ในเครื่องดนตรีคลาสสิคไวโอลิน เมื่อเรานำความยาวของฟิงเกอร์บอร์ดมาเปรียบเทียบกับความยาวของไวโอลินก็จะได้ PHI เป็นคำตอบเดียวกัน
*หมายเหตุ งานเขียนชิ้นนี้ ได้รับการคุ้มครองสิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองสิทธิทางปัญญา โดยลิขสิทธิเป็นของผู้เขียน ที่ให้เกียรตินำเผยแพร่ผ่าน วิชาการ.คอม เรามีความยินดีและอนุญาตให้ทำซ้ำหรือเผยแพร่ต่อเพื่อประโยชน์ทางการศึกษาเท่านั้น กรุณาให้เกียรติผู้เขียน โดยอ้างชื่อผู้เขียนและ วิชาการ.คอม (www.vcharkarn.com) ทุกครั้งที่ทำการเผยแพร่ต่อ ห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อในสื่อที่เอื้อประโยชน์ทางธุรกิจก่อนได้รับอนุญาต ขอขอบคุณที่ร่วมกันช่วยสร้างให้สังคมไทยเป็นสังคมแห่งปัญญา
การบวกเลขแบบใช้สายตาทำให้คิดเลขเร็วขึ้น
แทนที่เราต้องมานั่งบอกว่า หนึ่งบวกสอง เท่ากับสาม ให้เราพูดว่า หนึ่ง สอง สามแทน หรือสี่ บวกเจ็ดเท่ากับสิบเอ็ด ก็ให้พูดว่า สี่ เจ็ด สิบเอ็ด .. ด้วยวิธีการนี้ถ้าเราฝึกหัดบ่อยๆ จะทำให้เราบวกเลขได้เร็วยิ่งขึ้นครับ
เมื่อตอนเด็กราวๆ ป.6 เวลาผมนั่งรถไปไหนก็ตาม ก็จะนั่งมองที่ป้ายทะเบียนรถยนต์ แล้วก็บวกเลขทั้งสี่ตัวด้านขวานั้น ยิ่งรถขับเร็วเท่าไหร่ เราก็ยิ่งต้องบวกเลขให้ทันหรือจะให้สนุกขึ้นก็แข่งบวกเลขกับคนข้างๆ ก็สนุกดี หรือว่าเวลาขึ้นรถเมล์ ก็เอาตั๋วรถเมล์นี่แหละครับ มาลองบวกดูว่าได้เท่าไหร่ .. เท่านั้นยังไม่พอ
ถ้าใครเคยดูรายการ IQ180 ก็จะพบวิธีการเล่นเกมอย่างนึงคือ การเอาเครื่องหมายบวกลบคูณหารมาผสมกับเลขห้าตัวที่อยู่บนตั๋ว แล้วให้ได้ผลลัพธ์เท่ากับอีกสองตัวที่เหลือ อย่างตัวอย่างนี้ ก็มีตัวเลข 89347 ทำยังไงถึงได้ค่าเท่ากับ 59 .. เฉลยคือ (8+7)*4 - (root 9 / 3) = (15*4) - (3/3) = 60 - 1 = 59
การบวกเลข 1 ถึงจำนวนที่ต้องการ
จำสูตรนี้ไปใช้ได้เลย คือ n * (n+1)/2
ให้ใช้สูตร [ (1 + ตัวท้าย) ตัวท้าย] 2 = ผลลัพธ์
หรือใช้สูตรโบราณว่า "เอา 1 บวกเข้า เอาเก่ามาคูณ เอา 2 หารตัด ขาดลงเป็นผลลัพธ์"
ตัวอย่าง เช่น
บวกเลขเรียงจาก 1 ถึง 200
ดังนั้น บวกเลขเรียงจาก 1 ถึง 200 = 20,100
ลองคิดดูเล่นๆ ค่ะ
1. 1 ถึง 10 = .................. (55)
2. 1 ถึง 80 = ................... (3,240)
3. 1 ถึง 500 = ................... (125,250)
ตัวอย่าง บวกเลข 1 ถึง 10 ก็จะได้ 10 * (10 + 1)/2 = 10 * 11/2 = 5 * 11 = 55
ลองดูนี่ก่อน
1 ถึง 100
1 ถึง 1000
--------------------------------------------------------------------------------
การบวกเลขตั้งแต่เลขอะไรก็ได้ถึงเลขอะไรก็ได้
อย่าเพิ่งงงครับ .. ตัวอย่างเช่น 5 ถึง 10 วิธีง่ายๆ ก็ทำเหมือน 1 ถึง 10 นั่นล่ะครับ แล้วลบออกด้วย 1 ถึง 4 ก็จะได้ (10 * (10+1)/2) - (4 * (4+1)/2) ..... ง่ายมั้ยล่ะครับ
ลองดูนี่ก่อน
40 ถึง 100
200 ถึง 1000
1. บวกเลขเรียงจาก 1 ถึงตัวท้ายโดยใช้สูตร (1 + ตัวท้าย) ตัวท้าย 2 = ตัวตั้ง
2. บวกเลขเรียงจาก 1 ถึงตัวก่อนเริ่มใช้สูตร คือ (1 + ตัวก่อนเริ่ม)ตัวก่อนเริ่ม 2 = ตัวลบ
3. เอาผลลัพธ์ที่ได้จาก ข้อ 1 - 2 เป็นผลบวกเลขเรียงที่ไม่เริ่มต้นจาก 1
ตัวอย่าง เช่น
บวกเลขเรียงจาก 9 ถึง 20
บวกเลขเรียงจาก 1 ถึง 20 ได้ 210 เป็นตัวตั้ง
บวกเลขเรียงจาก 1 ถึง 8 ได้ 36 เป็นตัวลบ
ดังนั้น บวกเลขเรียงจาก 9 ถึง 20 = 210 - 36 = 174
ลองคิดดูเล่นๆ ค่ะ
1. 6 ถึง 10 = .................. (40)
2. 12 ถึง 30 = ................... (399)
3. 55 ถึง 80 = ................... (1,755)
--------------------------------------------------------------------------------
มาเรื่องการคูณกันดีกว่า
แบบแรก คูณด้วย 10, 100 หรือ 1000
ก็เพียงแค่เอาเลขศูนย์ไปต่อท้าย เช่น 4 * 100 ก็แค่เลขสี่แล้วต่อท้ายด้วยศูนย์อีกสองตัว ก็ได้เป็น 400
ลองดูนี่ก่อน
128 * 10
132 * 100
--------------------------------------------------------------------------------
การคูณด้วย 11
ให้เติม 0 ท้ายตัวตั้ง 1 ตัว แล้วเอาตัวเดิมบวกเข้าไป เช่น 389 * 11 = 3890 + 389 = 4279
ลองดูนี่ก่อน
22 * 11
453 * 11
--------------------------------------------------------------------------------
การคูณด้วย 25
ให้เติม 0 ท้ายตัวตั้ง 2 ตัว แล้วหารด้วย 4 เช่น 349 * 25 = 349 * 100/4 = 34900/4 = 8725
ลองดูนี่ก่อน
4 * 25
25 * 25
--------------------------------------------------------------------------------
การคูณเลขที่เป็นจำนวนเดียวกันและหลักหน่วยรวมกันได้ 10
มีสองขั้นนะครับ .. ขั้นแรกให้เอาหลักหน่วยคูณกันก่อน แล้วขั้นที่สองก็เอาเลขหลักสิบที่เหมือนกันบวกหนึ่ง แล้วคูณกับตัวเอง เช่น 46 * 44 ก็ให้เอา 5 * 5 ก่อน (ซึ่งเป็นเลขหลักหน่วย) ได้ 24 เก็บไว้ขวาสุดหรือเขียนไว้ก่อนเลยก็ได้ .. ส่วนเลข 4 ก็ให้บวกเข้าไปอีกหนึ่ง ได้ 5 แล้วเอากลับไปคูณ 4 อีกทีก็จะได้เท่ากับ 20 เพราะฉะนั้นก็เอา 20 กับ 24 มาต่อกันก็จะได้ 2024 ... ง่ายๆ แค่นี้เอง ลองฝึกบ่อยๆ ดูแล้วจะจำได้เองครับ
ลองดูนี่ก่อน
25 * 25
37 * 33
117 * 113
--------------------------------------------------------------------------------
การคูณเลขเมื่อหลักหน่วยเท่ากันและหลักสิบรวมกันได้ 10
เช่น 76 * 36 จะมีอยู่สองขั้นเหมือนกัน คือเอาหลักหน่วยคูณกันก่อน ได้ 36 แล้วเอาหลักสิบคูณกันบวกด้วยหลักหน่วย ในที่นี้คือ 7 * 3 ได้เท่ากับ 21 แล้วนำไปบวกอีก 6 จะได้เท่ากับ 27 แล้วก็เอาผลลัพธ์สองตัวมาต่อกัน ก็จะได้เท่ากับ 2736
ลองดูนี่ก่อน
44 * 64
88 * 28
95 * 15
------------------------------------------------------------------------------
ให้หาตัวกลางของจำนวนที่บวกกันนั้น คูณกับจำนวนที่ให้บวกกันทั้งหมด
ตัวอย่าง เช่น
97 + 98 + 99 + 100 + 101 = .............................
สังเกตพบว่่าจำนวนที่ให้บวกกันนั้นทั้งหมดมี 5 จำนวน และตัวกลางของจำนวนเหล่านี้คือ 99
ให้เอา 5 99 = 495
ดังนั้น 97 + 98 + 99 + 100 + 101 = 495
ลองคิดดูเล่นๆ ค่ะ
1. 15 + 16 + 17 = .................. (48)
2. 125 + 126 + 127 + 128 129 = ................... (635)
3. 63 + 64 + 65 + 66 + 67 + 68 + 69 + 70 + 71 = ................... (603)
------------------------------------------------------------------------------
ให้หาตัวกลางของจำนวนที่บวกกันนั้น คูณกับจำนวนที่ให้บวกกันทั้งหมด ซึ่งตัวกลางมี 2 จำนวน ให้เอาตัวกลาง 2 จำนวนนั้นบวกกันแล้วเอา 2 หารได้ผลลัพธ์เท่าไร คูณกับจำนวนที่ให้บวกกันทั้งหมด ก็จะได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องและรวดเร็ว
ตัวอย่าง เช่น
97 + 98 + 99 + 100 + 101+ 102 = .............................
สังเกตพบว่่าจำนวนที่ให้บวกกันนั้นทั้งหมดมี 6 จำนวน และตัวกลางของจำนวนเหล่านี้คือ (99 + 100) 2 = 99.5
ให้เอา 6 99.5 = 597
ดังนั้น 97 + 98 + 99 + 100 + 101+ 102 = 597
ลองคิดดูเล่นๆ ค่ะ
1. 15 + 16 + 17 + 18 = .................. (66)
2. 125 + 126 + 127 + 128 129 + 130 = ................... (765)
3. 63 + 64 + 65 + 66 + 67 + 68 + 69 + 70 + 71+ 72 = ................... (675)
----------------------------------------------------------------------------------
1. การคูณเลขฝาแฝดที่ลงท้ายด้วย 5
เช่น 25 x 25 , 35 x 35 , 45 x 45 ,105 x 105 เป็นต้น
หลักการก็มีอยู่ว่า : (เอาตัวเลขที่อยู่หน้าเลขห้า + 1 ) x (เลขที่อยู่หน้าเลขห้า) ได้เท่าไหร่นำมาวางไว้หน้าเลข 25 มันก็จะเป็นคำตอบ ==> ดูตัวอย่างในตาราง
ตัว อย่าง เลขหน้าเลขห้า เลขหน้าเลขห้า+1 (เลขหน้าเลขห้า+1) x (เลขหน้าเลขห้า) นำมาวางไว้หน้าเลข25 มันก็คือคำตอบ
25 x 25 2 2+1=3 3 x 2 = 6 625
85 x 85 8 8+1=9 9 x 8 = 72 7,225
95 x 95 9 9+1=10 10 x 9 = 90 9,025
45 x 45 4 4+1=5 5 x 4 = 20 2,025
105 x 105 10 10+1=11 11 x 10 = 110 11,025
115 x 115 11 11+1=12 12 x 11 = 132 13,225
เทคนิคอันต่อไปอย่ากระพริบตานะครับ ยอดเยี่ยมจริงๆ
2. การคูณเลข 11 กับเลขใดๆ จะกี่หลักก็ตาม
เช่น 11x15 , 11x34 , 11x56 , 11x87 ,11x564 , 11x5,487 เป็นต้น การคูณเลขชุดนี้จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป !!!!
หลักการหาผลลัพธ์
2.1กรณีตัวที่นำมาคูณกับเลข 11 เป็นเลข 2 หลักเเละเลขเเต่ละตัวบวกกันเเล้วไม่เกิน 9 เช่น 11 x 15
จะเห็นว่า 15 เป็นเลขสองหลัก
เลขเเต่ละตัวบวกกันเเล้ว= 1+5 =6 ไม่เกิน 9
การหาผลลัพธ์ก็จับเลข 15 มาเขียนเเยกกัน( 1......5) ตรงกลางว่างไว้
ส่วนเลขตรงกลาง = หัว + ท้าย = 1+5 = 6 ดังนั้นเลขตรงกลาง = 6
คำตอบของ 11 x 15 = 165
โอเค ลองมาดูอีกสักตัวอย่างหนึ่ง
จงหาผลลัพธ์ 11 x 63 = ?
ตัวคูณเป็นเลขสองหลักเเละบวกกันเเล้วไม่เกิน 9
เขียนเเยกหัวท้าย = 6.......3
เลขตรงกลาง= หัว + ท้าย = 6 +3 =9
ผลลัพธ์ 11x63= 693
2.2 กรณีตัวที่นำมาคูณกับเลข 11 เป็นเลข 2 หลักเเละเลขเเต่ละตัวบวกกันเเล้วเกิน 9 เช่น 11x78 , 11x98 ,11x97
จงหาผลลัพธ์ 11x 78 = ?
จะเห็นว่าตัวคูณเป็นเลขสองหลักเเละเลขเเต่ละตัวบวกกัน= 7+ 8 = 15 เกิน 9
ขั้นตอนที่2 หลักการยังเหมือนเดิมคือจับเขียนเเยกกัน = 7.....8
ขั้นตอนหาเลขตัวกลางนี้ประยุกต์นิดหนึ่ง จะเห็นว่า 7+8=15 จะเอา15 ไปใส่เลยเหมือนกรณีเเรกไม่ได้ ต้องใช้การทดเลขเข้าช่วย คือ ตำเเหน่งตรงกลางให้ใส่เเค่เลข 5 ส่วนเลข 1 ให้ทดไปที่ตัวเลขที่อยู่ข้างหน้า
ดังนั้นตัวเลขหัวจึงเท่ากับ 7 บวกอีก1ที่ทดมาจึง = 7 + 1= 8
ดังนั้น 11 x 78 = 858
ลองอีกสักตัวอย่างเพื่อความเข้าใจ
จงหาผลลัพธ์ 11 x 98 = ?
เลขสองตัวบวกกัน = 9+8=17 ซึ่งเกิน 9
เขียนเเยกตัวเลขหัวท้าย = 9.....8
หาตัวเลขตรงกลาง = 9 + 8 = 17 ให้ใส่เเค่เลข 7 ส่วนเลข 1 ให้ทดไปตัวเลขข้างหน้า
ดังนั้นเลขหัวจึงเท่ากับ = 9 บวกอีก 1ที่ทดมา = 9+1 = 10
ดังนั้น 11 x 98 = 1,078
2.3 กรณีตัวที่นำมาคูณกับเลข 11 เกิน 2 หลัก เช่น 11 x 345 , 11 x 786, 11x3,454 เป็นต้น
จงหาผลลัพธ์ 11 x 345 = ?
การหาผลลัพธ์หลักการก็ยังเหมือนเดิมคือขั้นเเรกให้จับเขียนเเยกเฉพาะเลขหัวกับเลขท้ายเท่านั้น ในตัวอย่างนี้ = 3.........5 ยังไม่ต้องสนใจกับเลข 4 ในขั้นตอนนี้
ขั้นตอนการหาเลขตรงกลาง: จับเลขที่อยู่ติดกันบวกกันจากหน้ามาหลัง เช่นในตัวอย่างนี้ = 3+4 ......4+5....
สรุปการเรียงลำดับตัวเลขทั้งหมดจากหน้าไปหลังจะได้ : เลขหัว.....ผลบวกเลขตัวกลางคู่เเรก.....ผลบวกเลขตัวกลางคู่ที่2.....เลขตัวท้าย = 3.....7.....9.....5 ดังนั้นคำตอบ 11 x 345 = 3,795
จะสังเกตได้ว่าในขั้นตอนการหาเลขตรงกลางในตัวอย่างนี้ เลขเเต่ละคู่บวกกันเเล้วไม่เกิน9 จึงไม่มีการทดเลข เเต่ถ้าคู่ไหนบวกกันเเล้วเกิน9 จะต้องมีการทดเลขไปยังตัวเลขที่อยู่ข้างหน้า ดังตัวอย่างต่อไป
ลองดูอีกสักตัวอย่างหนึ่ง
จงหาผลลัพธ์ของ 11 x 978 = ???
ขั้นเเรกจับเเยกหัวท้าย = 9..........8 เลข 7 ยังไม่ต้องสนใจ
ขั้นตอนการหาเลขตรงกลาง = จับเลขที่อยู่ติดกันบวกกันจากหน้ามาหลัง = 9+7=16.......7+8=15.....
เรียงเลขทั้งหมดจากหน้าไปหลัง = 9.....16.....15.....8. จะสังเกตเห็นว่าเลขตรงกลางทั้ง 2 คู่บวกกันเเล้วเกิน9 ดังนั้นจะต้องมีการทดเลขโดยทำจากหลังไปหน้า ดังต่อไปนี้:
เลข8 ตัวท้ายสุดไม่ต้องเเตะต้อง คงเหมือนเดิมไม่ต้องทำอะไร
ตัวถัดไปจะเป็นเลข 15 ให้ใส่เเค่เลข 5 ทดเลข 1 ไปยังเลขข้างหน้า
ตัวถัดไปเป็นเลข 16 บวกกับเลขที่ทดมาอีก 1 = 16 +1 = 17 ให้ใส่เเค่เลข 7 ทดเลข 1 ไปยังเลขข้างหน้า
เลขตัวถัดไป(เลขหน้าสุด)คือเลข 9 บวกกับที่ทดมา 1 = 9 +1 = 10
ผลลัพธ์ 11 x 978 = 10,758
ลองอีกตัวอย่างนะครับ
จงหาผลลัพธ์ 11 x 1,458 = ??
ลุยเลยนะครับ จับเเยกร่างหัวท้าย = 1.....................8 เลข 4 กับเลข 5 ยังไม่ต้องสนใจในตอนนี้
เลขตรงกลาง:จับเลขที่อยู่ติดกันบวกกันเป็นคู่จากหน้ามาหลัง = 1+4....4+5....5+8.....=5....9....13..
เรียงเลขทั้งหมดจากหน้าไปหลัง = 1...5...9...13....8 ทำการทดเลขโดยทำจากหลังไปหน้า ดังนี้
ตัวสุดท้าย เลข 8 ไม่ต้องเเตะต้อง
ตัวถัดไป เลข 13 ให้ใส่เเค่เลข 3 ทด 1
ตัวถัดไปเลข 9 บวกกับที่ทดมาอีก 1 = 10 .ใส่เเค่เลข 0 ทดไป 1
ตัวถัดไปเลข 5 บวกกับที่ทดมา 1 = 5 +1 =6
ตัวถัดไปเลข 1 ไม่มีอะไรทดมา
ดังนั้นผลลัพธ์ 11 x 1458 = 16,038
.....
1.การคูณจำนวนใดๆ ด้วย 25
1.ให้เอา 4 หารจำนวนที่เป็นคู่คูณของ 25 นั้น เขียนเป็นผลลัพธ์ไว้
2.ถ้าหารลงตัว ให้เขียน 00 ต่อท้ายผลลัพธ์
3.ถ้าเศษ 1 ให้เขียน 25 ต่อท้ายผลลัพธ์นั้น
4.ถ้าเศษ 2 ให้เขียน 50 ต่อท้ายผลลัพธ์นั้น
5.ถ้าเศษ 3 ให้เขียน 75 ต่อท้ายผลลัพธ์นั้น
2.การหารจำนวนใดๆ ด้วย 25
ให้เอา 4 คูณจำนวนนั้น ได้ผลลัพธ์เท่าไหร่ ใส่ทศนิยม 2 ตำแหน่งเป็นผลลัพธ์ที่ถูกต้องและรวดเร็ว
3.การหารเลขใดๆ ด้วย 99
1.ถ้าเอาเลข 99 หารเลขตั้งแต่ 3 หลักขึ้นไป ให้เอาเลข หลักร้อยตัวหน้าของตัวตั้งเป็นผลลัพธ์
4.การคูณเลขใดๆ ด้วย 99,999,9999,....
ให้ลดคู่คูณของ 99 หรือ 999 หรือ 9999 ลง 1
5.การหาค่ากำลังสองของเลขที่ลงท้ายด้วย 5
1.ให้เอา 5 ตัวท้ายคูณกันได้ 25 ตั้งเป็นผลลัพธ์หลักหน่วย และหลักสิบไว้ก่อน
2.ให้เอาจำนวนที่อยู่หน้าเลข 5 คูณจำนวนที่นับต่อจากมัน คูณได้เท่าไร เขียนเป็นผลลัพธ์ต่อจาก 25 เป็นหลักร้อย หลักพันต่อไป เป็นผลลัพธ์ที่ถูกต้องและรวดเร็ว
6.การคูณเลข 2 หลักที่จำนวนหน้าเท่ากัน จำนวนหลังบวกกันได้ 10
1.ให้เอาเลขตัวท้ายคูณกันตั้งเป็นผลลัพธ์หลักหน่วย และหลักสิบไว้ก่อน
2.เอาตัวหน้าคูณกับจำนวนนับที่นับต่อจากมัน
7.การคูณเลขสองหลักที่มีหลักสิบเป็น 1 ทั้งตัวตั้งและตัวคูณ
1.ให้เอาหลักหน่วยคูณกัน ตั้งผลลัพธ์หลักหน่วยไว้ (ถ้าคูณกันได้เกิน 9 ให้ทดหลักสิบไว้ก่อน)
2.เอาหลักหน่วยตัวหลัง บวกกับจำนวนหน้า บวกกับตัวทดแล้วเขียนเป็นผลลัพธ์ต่อจากที่เขียนไว้เป็นหลักสิบหลักร้อยต่อไป ก้อจะได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องและรวดเร็ว
8.การคูณเลขสองหลักที่มีหลักหน่วยเป็น 1 ทั้งตัวตั้งและตัวคูณ
1.เขียน 1 เป็นหลักหน่วยที่ผลลัพธ์ตั้งไว้ก่อน
2.เอาเลขหลักสิบบวกกับหลักสิบ ได้เท่าไรเขียนเป็นผลลัพธ์หลักสิบ ต่อจาก 1 ถ้าบวกกันได้เลขสองตัวให้ทดตัวหน้าไว้ก่อน
3.เอาหลักสิบคูณหลักสิบบวกกับตัวทด ได้เท่าไร เขียนผลลัพธ์ต่อเป็นหลักร้อย หลักพันต่อไปเป็นผลลัพธ์ที่ถูกต้อง
--------------------------------------------------------------------------------
credit http://www.geniusproject.th.gs
เกมฝึกสมอง
หน้าที่ 1 - เทคนิคคิดในใจ ง่ายเหลือเชื่อ
การค้นพบนี้เกิดจาก Swami Bharathi Krishna Tirthaji นักศึกษาชาวฮินดู ได้ทำการศึกษาในคัมภีร์พระเวทของอินเดีย(Vedas)โบราณซึ่งมี 16 สูตร ในการ บวก ลบ คูณ หาร ในปี 1965
เทคนิคการคูณเลข 11สำหรับเลข 2 หลัก
ตัวอย่าง เช่น
27x11
วิธีที่แนะนำคือ
27 นำ 2 ไว้ข้างหน้า นำ 7 ไว้ข้างหลัง เว้นช่องว่างไว้ตรงกลางก็จะได้
ดังนี้ 2 7
หลังจากนั้นก็นำเลขทั้ง 2 เลขมาบวกกัน ซึ่งได้ 9(7+2=9)
หลังจากนั้นนำ 9 ไว้ตรงกลางระหว่าง 2 กับ 7 ก็จะได้
297
แต่ถ้าเป็นเลขเยอะหล่ะทำไงดี
เช่น
89x11
วิธีนี้ก็ทำแบบที่แนะนำคือ
89
|
V
8 9
8+9
แล้วตัวเลขตรงกลางก็จะได้ 17 ผลที่ได้จะเป็นอย่างนี้ 8179 แต่ช้าก่อน ถ้าผลบวกที่ได้มากกว่า 9 ให้นำไปบวกทดในหลักต่อไป นั่นคือ 1+ 8 = 9 คำตอบคือ 979
(เครดิต :http://community.thaiware.com/thai/lofiversion/
index.php/t315499.html)
เทคนิคการคูณเลข 11สำหรับเลข 3 หลัก
เช่น 11×768= 8448
(1) ขั้นตอนแรกยกเลข 8 จาก 768 สำหรับเป็นหลักหน่วยของคำตอบ
(2) ขั้นตอนที่สองเอาเลข 8 (หลักหน่วย) + 6 (หลักสิบ) = 14 บวกแล้วมากกว่า 9 ทดไว้ในขั้นถัดไป
(3) ขั้นตอนที่สามเอาเลข 6 (หลักสิบ) + 7 (หลักร้อย) + 1 (ทดจากขั้นที่ 2) = 14 แต่ผลบวกที่ได้ยังมากกว่า 9 ดังนั้นต้องนำไปทดไว้ในขั้นถัดไป
(4) ขั้นตอนสุดท้ายเหลือเลข 7 (หลักร้อย) + 1 (ทดจากขั้นที่ 3) = 8
ดังนั้นก็จะได้คำตอบ = 8448
เทคนิคการคูณเลข 2 หลัก แบบไขว้
ยกตัวอย่าง เช่น 23 x 12
2 3
| × |
1 2
(2×1) (2×2+3×1) (3×2)
2 7 6
(1) ขั้นตอนแรกคูณตัวเลขในหลักทางซ้ายมือ เช่น (2x1=2)
(2) ขั้นตอนที่สองคูณตัวเลขในแนวเส้นทแยงมุมของทั้งสองหลัก แล้วนำมาบวกกัน เช่น (2x2) + (3x1) = 7
(3) ขั้นตอนที่สามคูณตัวเลขในหลักทางขวามือ เช่น (3x2=6)
(4) นำผลลัพธ์ที่ได้มาเรียงต่อกัน คือ 276
ป.ล. แต่ถ้าผลลัพธ์ที่ได้มีตัวใด มากกว่า 9 เช่น (49 35 12) ก็ให้นำตัวเลขแรกของผลลัพธ์ที่มากกว่า 9 นั้นมาบวกกับทางด้านซ้ายของหลักถัดไปเสมอ นั่นคือ 49+3 5+1 2 = 5262
เทคนิคเลขยกกำลัง 2 ของตัวเลข 2 หลัก ที่ลงท้ายด้วย 5
ตัวอย่างเช่น 35 ยกกำลัง 2
วิธีคิดคือ
(1) ขั้นตอนแรก ในที่นี้คือ นำเลขหลักแรก นั่นคือ เลข 3 คูณด้วยตัวเลขที่มีค่ามากกว่าตัวมันอยู่หนึ่ง ซึ่งก็คือ 4
ดังนั้นจะได้ 3x4 = 12
(2) ขั้นตอนที่สอง 5 ยกกำลัง 2 = 25 หรือสามารถจำค่า 25 ไปต่อหลังคำตอบได้เลย
ผลลัพธ์สุดท้ายของ 35 ยกกำลังสอง คือ 1,225 นั่นเอง
เทคนิคเลขยกกำลัง 2 ของตัวเลข 3 หลัก ที่ลงท้ายด้วย
ตัวอย่างเช่น 725 ยกกำลัง 2
มีวิธีคำนวณเช่นเดียวกับจำนวน 2 หลัก คือ 72 x 73 (เลขที่มากกว่า 72 อยู่ 1 ) = 5256 แล้วตามด้วย 5 ยกกำลัง 2 = 25
ผลลัพธ์สุดท้ายก็คือ 525,625
เทคนิคการคูณเลข 9, 99, 999, ....
ตัวอย่างเช่น 999x343=342657
ขอกำหนดเรียกคำดังข้างล่างเพื่อความสะดวก
Base = 999
วิธีการคิด
(1) ขั้นตอนแรกนำตัวเลขชุดที่ไม่ใช่เลข Base ลบ ด้วย 1 นั่นคือ (343-1 = 342)
(2) ขั้นตอนที่สองให้นำตัวเลขBaseไปหักออกจากผลลัพธ์ในข้อ 1 ทีละหลัก คือ (9-3)(9-4)(9-2)=657
ดังนั้นคำตอบที่ได้คือ 342,657
เทคนิคยกกำลัง 2 สำหรับตัวเลขที่ใกล้ 10, 100, 1000, ...
ตัวอย่างเช่น 988 ยกกำลัง 2=976,144
Base = 988
Nearest '0' = 1000
วิธีการคิด
(1) ขั้นตอนแรกนำ (ตัวเลข Base) ลบ (ชุดตัวเลขใกล้ '0' - เลข Base)
นั่นคือ 988-(1000-988)=988-12 =976
(2) ขั้นตอนที่สอง ยกกำลัง2 ของผลต่างระหว่าง Base และ ตัวเลขใกล้ 0 นั่นคือ (1000-988)^2 = 12^2=144
ดังนั้นคำตอบที่ได้คือ 976,144
เครดิต :http://dsin.blogspot.com/2008_05_01_archive.html
เทคนิคการลบเลข ทุกตัวลบจาก 9 และตัวสุดท้ายลบจาก 10
ตัวอย่างเช่น 1,000 - 357 = 643
10,000 - 1,049 = 8951
ถ้า 1,000 - 83 ให้มองว่ามี 0 อยู่ข้างหน้า
เป็น1,000 - 083 = 917
3,000 - 467 ก็ทำเหมือนกัน โดยลบตัวแรกสุดของ 3,000 ไป 1
จากนั้นก็ทำเหมือนเดิม จะได้ว่า 3,000 - 467 = 2,533
เทคนิค VERTICALLY AND CROSSWISE สำหรับตัวเลขที่น้อยกว่าฐานนิด หน่อย
ตัวอย่างเช่น 88x98
88 น้อยกว่า 100 อยู่ 12
98 น้อยกว่า 100 อยู่ 2
12x2 = 24
88-2 หรือ 98-12 ได้ 86
ดังนั้นตอบ 8,624
ดูอีกตัวอย่าง
หรือ
จากการลองดู พบว่า หลักหน่วยต้องใส่ 0 ไปให้เท่ากับ 0 ก่อนฐานด้วย
เช่น 999x998 = 997,002 เป็นต้น
สำหรับตัวเลขที่เกินเลขฐานไปหน่อย
103 x 104 = 10712
คำตอบมีสองส่วน 107 และ 12
107 คือ 103 + 4 (หรือ 104 + 3),
12 คือ 3 x 4.
107 x 106 = 11342
107+6 = 113
7x6 = 42
เทคนิค วิธีหารด้วย 9
23 / 9 = 2 เศษ 5
เลขแรกของ 23 คือ 2 ซึ่งก็คือคำตอบ
เศษ ก็แค่ 2 + 3
43 / 9 = 4 เศษ 7
134 / 9 = 14 เศษ 8
คำตอบประกอบด้วย 1,4 และ 8
1 เป็นตัวเลขตัวแรกของ 134
4 คือผลรวมของสองตัวแรก 1+ 3 = 4
8 คือผลรวมของทั้งสามตัว 1+ 3 + 4 = 8
842 / 9 = 812 เศษ 14 = 92 เศษ 14
เหลือเศษ 14 ไม่ได้ เพราะว่าหารด้วย 9
14 เยอะกว่า 9 อยู่ 5
ดังนั้น คำตอบที่ได้คือ 93 เศษ 5
หน้าที่ 2 - มหัศจรรย์ ตัวเลข
1 * 7 + 1 + 1 = 9
12 * 7 + 12 + 2 = 98
123 * 7 + 123 + 3 = 987
1234 * 7 + 1234 + 4 = 9876
12345 * 7 + 12345 + 5 = 98765
123456 * 7 + 123456 + 6 = 987654
1234567 * 7 + 1234567 + 7 = 9876543
12345678 * 7 + 12345678 + 8 = 98765432
123456789 * 7 + 123456789 + 9 = 987654321
1234567890 * 7 + 1234567890 + 90 = 9876543210
อื่นๆอีกมากมายที่ http://my.dek-d.com/Writer/story/view.php?id=314675
มหัศจรรย์ "22"
1. เขียนตัวเลข 3 หลัก ต้องไม่ซ้ำกันและและไม่มีศูนย์
(เช่น 918)
2. หลังจากนั้น กระจายตัวเลขออกเป็น 6 กลุ่ม ๆ ละ 2 ตัว เพื่อนำมาบวกกัน ได้ผลลัพธ์เท่าไรเก็บไว้ก่อน
(91+19+18+81+98+89=396)
3. หลังจากนั้นให้นำเลข 3 หลักที่เขียนไว้ครั้งแรกมาบวกกัน
(9+1+8 =18)
4. นำผลลัพธ์ของตัวเลข 6 กลุ่มหารด้วยผลบวกของตัวเลข 3 หลักที่เขียนไว้ในครั้งแรก ผลหารจะได้ตัวเลข "22" ทุกครั้ง
(396/18=22)
อ้างอิงจาก http://www.puifai.net/index.php?topic=5522.msg118550
1.618 มหัศจรรย์ที่สุดในโลก
เชื่อหรือไม่ว่าความสูงของคุณหารด้วยความสูงจากพื้นถึงสะดือเท่ากับ 1.618 แล้วยังมีอีกว่าความยาวหัวไหล่ถึงปลายนิ้วมือหารด้วยความยาวจากปลายนิ้วมือถึงข้อศอกก็เท่ากับ 1.618
ภาษากรีกโบราณเรียกว่า PHI (ฟี) หรือบางครั้งถึงกับเรียกว่า อัตราส่วนทองคำ (Gloden ratio) ความมีชื่อเสียงของลำดับฟีโบนักชีเริ่มเป็นที่รู้จักมาตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 13 โดยนักคณิตศาสตร์ชาวอิตาลีกับชื่ออันเป็นที่มาของลำดับนี้ คือ ลีโอนาโด ฟีโบนักชี
ตัวอย่าง สัดส่วนทองคำ เช่น คงทราบว่าผึ้งตัวเมียจะมีจำนวนมากกว่าผึ้งตัวผู้เสมอ แล้วถ้าเราลองนำจำนวนทั้งหมดของผึ้งตัวเมียหารด้วยจำนวนทั้งหมดของผึ้งตัวผู้ไม่ว่ารังใดก็ตามในโลกนี้ ค่าที่ได้ก็คือ 1.618 หรือ PHI นี่แหละ
การจัดเรียงเกสรของดอกทานตะวัน ตาสับปะรด ตาลูกสน เปลือกหอยที่เป็นเกลียวรอบ ต่างก็มีอัตราส่วนของเส้นผ่าศูนย์กลางของแต่ละวงเทียบกับวงถัดไปเท่ากับ PHI ทั้งนั้น
แม้กระทั่งในตัวเราเอง จังหวะการเต้นของหัวใจคนเราจังหวะยาวจะยาวกว่าจังหวะสั้นกี่เท่า เฉลยก็คือประมาณ 1.618 เท่า ซึ่งก็คือ PHI อีกแล้วใช่ไหม
PHI ยังไปปรากฎอยู่ในงานสถาปัตยกรรมและงานศิลปะที่มีความสำคัญต่อ ประวัติศาสตร์มากมาย อย่างภาพวาดโมนาลิซา ผลงานชิ้นเอกของลีโอนาโด ดาวินชี ก็มีอัตราส่วนใบหน้าและร่างกายเท่ากับ PHI วิหารพาร์เธนอนของกรีกและพีระมิดของอียิปต์ก็ใช้ PHI ในการออกแบบโครงสร้าง
หรือแม้แต่ในงานดนตรี PHI ยังปรากฎอยู่ในโครงสร้างการวางระบบของนักประพันธ์เพลงชื่อดัง ทั้งในโซนาต้าของโมซาร์ท ซิมโฟนีหมายเลขห้าของเบโธเฟน แม้แต่ในเครื่องดนตรีคลาสสิคไวโอลิน เมื่อเรานำความยาวของฟิงเกอร์บอร์ดมาเปรียบเทียบกับความยาวของไวโอลินก็จะได้ PHI เป็นคำตอบเดียวกัน
*หมายเหตุ งานเขียนชิ้นนี้ ได้รับการคุ้มครองสิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองสิทธิทางปัญญา โดยลิขสิทธิเป็นของผู้เขียน ที่ให้เกียรตินำเผยแพร่ผ่าน วิชาการ.คอม เรามีความยินดีและอนุญาตให้ทำซ้ำหรือเผยแพร่ต่อเพื่อประโยชน์ทางการศึกษาเท่านั้น กรุณาให้เกียรติผู้เขียน โดยอ้างชื่อผู้เขียนและ วิชาการ.คอม (www.vcharkarn.com) ทุกครั้งที่ทำการเผยแพร่ต่อ ห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อในสื่อที่เอื้อประโยชน์ทางธุรกิจก่อนได้รับอนุญาต ขอขอบคุณที่ร่วมกันช่วยสร้างให้สังคมไทยเป็นสังคมแห่งปัญญา
การบวกเลขแบบใช้สายตาทำให้คิดเลขเร็วขึ้น
แทนที่เราต้องมานั่งบอกว่า หนึ่งบวกสอง เท่ากับสาม ให้เราพูดว่า หนึ่ง สอง สามแทน หรือสี่ บวกเจ็ดเท่ากับสิบเอ็ด ก็ให้พูดว่า สี่ เจ็ด สิบเอ็ด .. ด้วยวิธีการนี้ถ้าเราฝึกหัดบ่อยๆ จะทำให้เราบวกเลขได้เร็วยิ่งขึ้นครับ
เมื่อตอนเด็กราวๆ ป.6 เวลาผมนั่งรถไปไหนก็ตาม ก็จะนั่งมองที่ป้ายทะเบียนรถยนต์ แล้วก็บวกเลขทั้งสี่ตัวด้านขวานั้น ยิ่งรถขับเร็วเท่าไหร่ เราก็ยิ่งต้องบวกเลขให้ทันหรือจะให้สนุกขึ้นก็แข่งบวกเลขกับคนข้างๆ ก็สนุกดี หรือว่าเวลาขึ้นรถเมล์ ก็เอาตั๋วรถเมล์นี่แหละครับ มาลองบวกดูว่าได้เท่าไหร่ .. เท่านั้นยังไม่พอ
ถ้าใครเคยดูรายการ IQ180 ก็จะพบวิธีการเล่นเกมอย่างนึงคือ การเอาเครื่องหมายบวกลบคูณหารมาผสมกับเลขห้าตัวที่อยู่บนตั๋ว แล้วให้ได้ผลลัพธ์เท่ากับอีกสองตัวที่เหลือ อย่างตัวอย่างนี้ ก็มีตัวเลข 89347 ทำยังไงถึงได้ค่าเท่ากับ 59 .. เฉลยคือ (8+7)*4 - (root 9 / 3) = (15*4) - (3/3) = 60 - 1 = 59
การบวกเลข 1 ถึงจำนวนที่ต้องการ
จำสูตรนี้ไปใช้ได้เลย คือ n * (n+1)/2
ให้ใช้สูตร [ (1 + ตัวท้าย) ตัวท้าย] 2 = ผลลัพธ์
หรือใช้สูตรโบราณว่า "เอา 1 บวกเข้า เอาเก่ามาคูณ เอา 2 หารตัด ขาดลงเป็นผลลัพธ์"
ตัวอย่าง เช่น
บวกเลขเรียงจาก 1 ถึง 200
ดังนั้น บวกเลขเรียงจาก 1 ถึง 200 = 20,100
ลองคิดดูเล่นๆ ค่ะ
1. 1 ถึง 10 = .................. (55)
2. 1 ถึง 80 = ................... (3,240)
3. 1 ถึง 500 = ................... (125,250)
ตัวอย่าง บวกเลข 1 ถึง 10 ก็จะได้ 10 * (10 + 1)/2 = 10 * 11/2 = 5 * 11 = 55
ลองดูนี่ก่อน
1 ถึง 100
1 ถึง 1000
--------------------------------------------------------------------------------
การบวกเลขตั้งแต่เลขอะไรก็ได้ถึงเลขอะไรก็ได้
อย่าเพิ่งงงครับ .. ตัวอย่างเช่น 5 ถึง 10 วิธีง่ายๆ ก็ทำเหมือน 1 ถึง 10 นั่นล่ะครับ แล้วลบออกด้วย 1 ถึง 4 ก็จะได้ (10 * (10+1)/2) - (4 * (4+1)/2) ..... ง่ายมั้ยล่ะครับ
ลองดูนี่ก่อน
40 ถึง 100
200 ถึง 1000
1. บวกเลขเรียงจาก 1 ถึงตัวท้ายโดยใช้สูตร (1 + ตัวท้าย) ตัวท้าย 2 = ตัวตั้ง
2. บวกเลขเรียงจาก 1 ถึงตัวก่อนเริ่มใช้สูตร คือ (1 + ตัวก่อนเริ่ม)ตัวก่อนเริ่ม 2 = ตัวลบ
3. เอาผลลัพธ์ที่ได้จาก ข้อ 1 - 2 เป็นผลบวกเลขเรียงที่ไม่เริ่มต้นจาก 1
ตัวอย่าง เช่น
บวกเลขเรียงจาก 9 ถึง 20
บวกเลขเรียงจาก 1 ถึง 20 ได้ 210 เป็นตัวตั้ง
บวกเลขเรียงจาก 1 ถึง 8 ได้ 36 เป็นตัวลบ
ดังนั้น บวกเลขเรียงจาก 9 ถึง 20 = 210 - 36 = 174
ลองคิดดูเล่นๆ ค่ะ
1. 6 ถึง 10 = .................. (40)
2. 12 ถึง 30 = ................... (399)
3. 55 ถึง 80 = ................... (1,755)
--------------------------------------------------------------------------------
มาเรื่องการคูณกันดีกว่า
แบบแรก คูณด้วย 10, 100 หรือ 1000
ก็เพียงแค่เอาเลขศูนย์ไปต่อท้าย เช่น 4 * 100 ก็แค่เลขสี่แล้วต่อท้ายด้วยศูนย์อีกสองตัว ก็ได้เป็น 400
ลองดูนี่ก่อน
128 * 10
132 * 100
--------------------------------------------------------------------------------
การคูณด้วย 11
ให้เติม 0 ท้ายตัวตั้ง 1 ตัว แล้วเอาตัวเดิมบวกเข้าไป เช่น 389 * 11 = 3890 + 389 = 4279
ลองดูนี่ก่อน
22 * 11
453 * 11
--------------------------------------------------------------------------------
การคูณด้วย 25
ให้เติม 0 ท้ายตัวตั้ง 2 ตัว แล้วหารด้วย 4 เช่น 349 * 25 = 349 * 100/4 = 34900/4 = 8725
ลองดูนี่ก่อน
4 * 25
25 * 25
--------------------------------------------------------------------------------
การคูณเลขที่เป็นจำนวนเดียวกันและหลักหน่วยรวมกันได้ 10
มีสองขั้นนะครับ .. ขั้นแรกให้เอาหลักหน่วยคูณกันก่อน แล้วขั้นที่สองก็เอาเลขหลักสิบที่เหมือนกันบวกหนึ่ง แล้วคูณกับตัวเอง เช่น 46 * 44 ก็ให้เอา 5 * 5 ก่อน (ซึ่งเป็นเลขหลักหน่วย) ได้ 24 เก็บไว้ขวาสุดหรือเขียนไว้ก่อนเลยก็ได้ .. ส่วนเลข 4 ก็ให้บวกเข้าไปอีกหนึ่ง ได้ 5 แล้วเอากลับไปคูณ 4 อีกทีก็จะได้เท่ากับ 20 เพราะฉะนั้นก็เอา 20 กับ 24 มาต่อกันก็จะได้ 2024 ... ง่ายๆ แค่นี้เอง ลองฝึกบ่อยๆ ดูแล้วจะจำได้เองครับ
ลองดูนี่ก่อน
25 * 25
37 * 33
117 * 113
--------------------------------------------------------------------------------
การคูณเลขเมื่อหลักหน่วยเท่ากันและหลักสิบรวมกันได้ 10
เช่น 76 * 36 จะมีอยู่สองขั้นเหมือนกัน คือเอาหลักหน่วยคูณกันก่อน ได้ 36 แล้วเอาหลักสิบคูณกันบวกด้วยหลักหน่วย ในที่นี้คือ 7 * 3 ได้เท่ากับ 21 แล้วนำไปบวกอีก 6 จะได้เท่ากับ 27 แล้วก็เอาผลลัพธ์สองตัวมาต่อกัน ก็จะได้เท่ากับ 2736
ลองดูนี่ก่อน
44 * 64
88 * 28
95 * 15
------------------------------------------------------------------------------
ให้หาตัวกลางของจำนวนที่บวกกันนั้น คูณกับจำนวนที่ให้บวกกันทั้งหมด
ตัวอย่าง เช่น
97 + 98 + 99 + 100 + 101 = .............................
สังเกตพบว่่าจำนวนที่ให้บวกกันนั้นทั้งหมดมี 5 จำนวน และตัวกลางของจำนวนเหล่านี้คือ 99
ให้เอา 5 99 = 495
ดังนั้น 97 + 98 + 99 + 100 + 101 = 495
ลองคิดดูเล่นๆ ค่ะ
1. 15 + 16 + 17 = .................. (48)
2. 125 + 126 + 127 + 128 129 = ................... (635)
3. 63 + 64 + 65 + 66 + 67 + 68 + 69 + 70 + 71 = ................... (603)
------------------------------------------------------------------------------
ให้หาตัวกลางของจำนวนที่บวกกันนั้น คูณกับจำนวนที่ให้บวกกันทั้งหมด ซึ่งตัวกลางมี 2 จำนวน ให้เอาตัวกลาง 2 จำนวนนั้นบวกกันแล้วเอา 2 หารได้ผลลัพธ์เท่าไร คูณกับจำนวนที่ให้บวกกันทั้งหมด ก็จะได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องและรวดเร็ว
ตัวอย่าง เช่น
97 + 98 + 99 + 100 + 101+ 102 = .............................
สังเกตพบว่่าจำนวนที่ให้บวกกันนั้นทั้งหมดมี 6 จำนวน และตัวกลางของจำนวนเหล่านี้คือ (99 + 100) 2 = 99.5
ให้เอา 6 99.5 = 597
ดังนั้น 97 + 98 + 99 + 100 + 101+ 102 = 597
ลองคิดดูเล่นๆ ค่ะ
1. 15 + 16 + 17 + 18 = .................. (66)
2. 125 + 126 + 127 + 128 129 + 130 = ................... (765)
3. 63 + 64 + 65 + 66 + 67 + 68 + 69 + 70 + 71+ 72 = ................... (675)
----------------------------------------------------------------------------------
1. การคูณเลขฝาแฝดที่ลงท้ายด้วย 5
เช่น 25 x 25 , 35 x 35 , 45 x 45 ,105 x 105 เป็นต้น
หลักการก็มีอยู่ว่า : (เอาตัวเลขที่อยู่หน้าเลขห้า + 1 ) x (เลขที่อยู่หน้าเลขห้า) ได้เท่าไหร่นำมาวางไว้หน้าเลข 25 มันก็จะเป็นคำตอบ ==> ดูตัวอย่างในตาราง
ตัว อย่าง เลขหน้าเลขห้า เลขหน้าเลขห้า+1 (เลขหน้าเลขห้า+1) x (เลขหน้าเลขห้า) นำมาวางไว้หน้าเลข25 มันก็คือคำตอบ
25 x 25 2 2+1=3 3 x 2 = 6 625
85 x 85 8 8+1=9 9 x 8 = 72 7,225
95 x 95 9 9+1=10 10 x 9 = 90 9,025
45 x 45 4 4+1=5 5 x 4 = 20 2,025
105 x 105 10 10+1=11 11 x 10 = 110 11,025
115 x 115 11 11+1=12 12 x 11 = 132 13,225
เทคนิคอันต่อไปอย่ากระพริบตานะครับ ยอดเยี่ยมจริงๆ
2. การคูณเลข 11 กับเลขใดๆ จะกี่หลักก็ตาม
เช่น 11x15 , 11x34 , 11x56 , 11x87 ,11x564 , 11x5,487 เป็นต้น การคูณเลขชุดนี้จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป !!!!
หลักการหาผลลัพธ์
2.1กรณีตัวที่นำมาคูณกับเลข 11 เป็นเลข 2 หลักเเละเลขเเต่ละตัวบวกกันเเล้วไม่เกิน 9 เช่น 11 x 15
จะเห็นว่า 15 เป็นเลขสองหลัก
เลขเเต่ละตัวบวกกันเเล้ว= 1+5 =6 ไม่เกิน 9
การหาผลลัพธ์ก็จับเลข 15 มาเขียนเเยกกัน( 1......5) ตรงกลางว่างไว้
ส่วนเลขตรงกลาง = หัว + ท้าย = 1+5 = 6 ดังนั้นเลขตรงกลาง = 6
คำตอบของ 11 x 15 = 165
โอเค ลองมาดูอีกสักตัวอย่างหนึ่ง
จงหาผลลัพธ์ 11 x 63 = ?
ตัวคูณเป็นเลขสองหลักเเละบวกกันเเล้วไม่เกิน 9
เขียนเเยกหัวท้าย = 6.......3
เลขตรงกลาง= หัว + ท้าย = 6 +3 =9
ผลลัพธ์ 11x63= 693
2.2 กรณีตัวที่นำมาคูณกับเลข 11 เป็นเลข 2 หลักเเละเลขเเต่ละตัวบวกกันเเล้วเกิน 9 เช่น 11x78 , 11x98 ,11x97
จงหาผลลัพธ์ 11x 78 = ?
จะเห็นว่าตัวคูณเป็นเลขสองหลักเเละเลขเเต่ละตัวบวกกัน= 7+ 8 = 15 เกิน 9
ขั้นตอนที่2 หลักการยังเหมือนเดิมคือจับเขียนเเยกกัน = 7.....8
ขั้นตอนหาเลขตัวกลางนี้ประยุกต์นิดหนึ่ง จะเห็นว่า 7+8=15 จะเอา15 ไปใส่เลยเหมือนกรณีเเรกไม่ได้ ต้องใช้การทดเลขเข้าช่วย คือ ตำเเหน่งตรงกลางให้ใส่เเค่เลข 5 ส่วนเลข 1 ให้ทดไปที่ตัวเลขที่อยู่ข้างหน้า
ดังนั้นตัวเลขหัวจึงเท่ากับ 7 บวกอีก1ที่ทดมาจึง = 7 + 1= 8
ดังนั้น 11 x 78 = 858
ลองอีกสักตัวอย่างเพื่อความเข้าใจ
จงหาผลลัพธ์ 11 x 98 = ?
เลขสองตัวบวกกัน = 9+8=17 ซึ่งเกิน 9
เขียนเเยกตัวเลขหัวท้าย = 9.....8
หาตัวเลขตรงกลาง = 9 + 8 = 17 ให้ใส่เเค่เลข 7 ส่วนเลข 1 ให้ทดไปตัวเลขข้างหน้า
ดังนั้นเลขหัวจึงเท่ากับ = 9 บวกอีก 1ที่ทดมา = 9+1 = 10
ดังนั้น 11 x 98 = 1,078
2.3 กรณีตัวที่นำมาคูณกับเลข 11 เกิน 2 หลัก เช่น 11 x 345 , 11 x 786, 11x3,454 เป็นต้น
จงหาผลลัพธ์ 11 x 345 = ?
การหาผลลัพธ์หลักการก็ยังเหมือนเดิมคือขั้นเเรกให้จับเขียนเเยกเฉพาะเลขหัวกับเลขท้ายเท่านั้น ในตัวอย่างนี้ = 3.........5 ยังไม่ต้องสนใจกับเลข 4 ในขั้นตอนนี้
ขั้นตอนการหาเลขตรงกลาง: จับเลขที่อยู่ติดกันบวกกันจากหน้ามาหลัง เช่นในตัวอย่างนี้ = 3+4 ......4+5....
สรุปการเรียงลำดับตัวเลขทั้งหมดจากหน้าไปหลังจะได้ : เลขหัว.....ผลบวกเลขตัวกลางคู่เเรก.....ผลบวกเลขตัวกลางคู่ที่2.....เลขตัวท้าย = 3.....7.....9.....5 ดังนั้นคำตอบ 11 x 345 = 3,795
จะสังเกตได้ว่าในขั้นตอนการหาเลขตรงกลางในตัวอย่างนี้ เลขเเต่ละคู่บวกกันเเล้วไม่เกิน9 จึงไม่มีการทดเลข เเต่ถ้าคู่ไหนบวกกันเเล้วเกิน9 จะต้องมีการทดเลขไปยังตัวเลขที่อยู่ข้างหน้า ดังตัวอย่างต่อไป
ลองดูอีกสักตัวอย่างหนึ่ง
จงหาผลลัพธ์ของ 11 x 978 = ???
ขั้นเเรกจับเเยกหัวท้าย = 9..........8 เลข 7 ยังไม่ต้องสนใจ
ขั้นตอนการหาเลขตรงกลาง = จับเลขที่อยู่ติดกันบวกกันจากหน้ามาหลัง = 9+7=16.......7+8=15.....
เรียงเลขทั้งหมดจากหน้าไปหลัง = 9.....16.....15.....8. จะสังเกตเห็นว่าเลขตรงกลางทั้ง 2 คู่บวกกันเเล้วเกิน9 ดังนั้นจะต้องมีการทดเลขโดยทำจากหลังไปหน้า ดังต่อไปนี้:
เลข8 ตัวท้ายสุดไม่ต้องเเตะต้อง คงเหมือนเดิมไม่ต้องทำอะไร
ตัวถัดไปจะเป็นเลข 15 ให้ใส่เเค่เลข 5 ทดเลข 1 ไปยังเลขข้างหน้า
ตัวถัดไปเป็นเลข 16 บวกกับเลขที่ทดมาอีก 1 = 16 +1 = 17 ให้ใส่เเค่เลข 7 ทดเลข 1 ไปยังเลขข้างหน้า
เลขตัวถัดไป(เลขหน้าสุด)คือเลข 9 บวกกับที่ทดมา 1 = 9 +1 = 10
ผลลัพธ์ 11 x 978 = 10,758
ลองอีกตัวอย่างนะครับ
จงหาผลลัพธ์ 11 x 1,458 = ??
ลุยเลยนะครับ จับเเยกร่างหัวท้าย = 1.....................8 เลข 4 กับเลข 5 ยังไม่ต้องสนใจในตอนนี้
เลขตรงกลาง:จับเลขที่อยู่ติดกันบวกกันเป็นคู่จากหน้ามาหลัง = 1+4....4+5....5+8.....=5....9....13..
เรียงเลขทั้งหมดจากหน้าไปหลัง = 1...5...9...13....8 ทำการทดเลขโดยทำจากหลังไปหน้า ดังนี้
ตัวสุดท้าย เลข 8 ไม่ต้องเเตะต้อง
ตัวถัดไป เลข 13 ให้ใส่เเค่เลข 3 ทด 1
ตัวถัดไปเลข 9 บวกกับที่ทดมาอีก 1 = 10 .ใส่เเค่เลข 0 ทดไป 1
ตัวถัดไปเลข 5 บวกกับที่ทดมา 1 = 5 +1 =6
ตัวถัดไปเลข 1 ไม่มีอะไรทดมา
ดังนั้นผลลัพธ์ 11 x 1458 = 16,038
.....
1.การคูณจำนวนใดๆ ด้วย 25
1.ให้เอา 4 หารจำนวนที่เป็นคู่คูณของ 25 นั้น เขียนเป็นผลลัพธ์ไว้
2.ถ้าหารลงตัว ให้เขียน 00 ต่อท้ายผลลัพธ์
3.ถ้าเศษ 1 ให้เขียน 25 ต่อท้ายผลลัพธ์นั้น
4.ถ้าเศษ 2 ให้เขียน 50 ต่อท้ายผลลัพธ์นั้น
5.ถ้าเศษ 3 ให้เขียน 75 ต่อท้ายผลลัพธ์นั้น
2.การหารจำนวนใดๆ ด้วย 25
ให้เอา 4 คูณจำนวนนั้น ได้ผลลัพธ์เท่าไหร่ ใส่ทศนิยม 2 ตำแหน่งเป็นผลลัพธ์ที่ถูกต้องและรวดเร็ว
3.การหารเลขใดๆ ด้วย 99
1.ถ้าเอาเลข 99 หารเลขตั้งแต่ 3 หลักขึ้นไป ให้เอาเลข หลักร้อยตัวหน้าของตัวตั้งเป็นผลลัพธ์
4.การคูณเลขใดๆ ด้วย 99,999,9999,....
ให้ลดคู่คูณของ 99 หรือ 999 หรือ 9999 ลง 1
5.การหาค่ากำลังสองของเลขที่ลงท้ายด้วย 5
1.ให้เอา 5 ตัวท้ายคูณกันได้ 25 ตั้งเป็นผลลัพธ์หลักหน่วย และหลักสิบไว้ก่อน
2.ให้เอาจำนวนที่อยู่หน้าเลข 5 คูณจำนวนที่นับต่อจากมัน คูณได้เท่าไร เขียนเป็นผลลัพธ์ต่อจาก 25 เป็นหลักร้อย หลักพันต่อไป เป็นผลลัพธ์ที่ถูกต้องและรวดเร็ว
6.การคูณเลข 2 หลักที่จำนวนหน้าเท่ากัน จำนวนหลังบวกกันได้ 10
1.ให้เอาเลขตัวท้ายคูณกันตั้งเป็นผลลัพธ์หลักหน่วย และหลักสิบไว้ก่อน
2.เอาตัวหน้าคูณกับจำนวนนับที่นับต่อจากมัน
7.การคูณเลขสองหลักที่มีหลักสิบเป็น 1 ทั้งตัวตั้งและตัวคูณ
1.ให้เอาหลักหน่วยคูณกัน ตั้งผลลัพธ์หลักหน่วยไว้ (ถ้าคูณกันได้เกิน 9 ให้ทดหลักสิบไว้ก่อน)
2.เอาหลักหน่วยตัวหลัง บวกกับจำนวนหน้า บวกกับตัวทดแล้วเขียนเป็นผลลัพธ์ต่อจากที่เขียนไว้เป็นหลักสิบหลักร้อยต่อไป ก้อจะได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องและรวดเร็ว
8.การคูณเลขสองหลักที่มีหลักหน่วยเป็น 1 ทั้งตัวตั้งและตัวคูณ
1.เขียน 1 เป็นหลักหน่วยที่ผลลัพธ์ตั้งไว้ก่อน
2.เอาเลขหลักสิบบวกกับหลักสิบ ได้เท่าไรเขียนเป็นผลลัพธ์หลักสิบ ต่อจาก 1 ถ้าบวกกันได้เลขสองตัวให้ทดตัวหน้าไว้ก่อน
3.เอาหลักสิบคูณหลักสิบบวกกับตัวทด ได้เท่าไร เขียนผลลัพธ์ต่อเป็นหลักร้อย หลักพันต่อไปเป็นผลลัพธ์ที่ถูกต้อง
--------------------------------------------------------------------------------
credit http://www.geniusproject.th.gs
Scripps National Spelling Bee คือเป็นการแข่งขันอันทรงเกียร์ติอันหนึ่งของประเทศสหรัฐอเมริกา จัดมาเกือบทุกๆปี ปีละครั้ง ตั้งแต่ปี 1925 โน่นเลยทีเดียว ซึ่งปัจจุบันในปี 2008 เป็นการแข่งขันครั้งที่ 81 เข้าไปแล้ว
การแข่งขันนี้จะรวบรวมสุดยอดนักเรียนเก่งๆ จากทั่วประเทศ (อาจจะมีจากประเทศอื่นๆด้วย) มาแข่งขัน ซึ่งการแข่งขันรอบสุดท้ายจะจัดที่ ห้อง Grand Ballroom ของ the Grand Hyatt Washington hotel ที่เมือง Washington, D.C. และถ่ายดทอดสัญญาณโทรทัศน์ไปหลายๆประเทศทั่วโลก
ซึ่งกติกาการแข่งขัน ก็ไม่ยากครับ กรรมการจะเป็นคนออกเสียง (pronounce) คำศัพท์ออกมา และผู้แข่งขันก็ต้องพยายามแกะเสียงที่ได้ยินออกมาเป็นตัวสะกดให้ได้ครับ
โดยจะต้องตอบโดยใช้เวลาไม่เกิน 2 นาทีด้วยกัน
ซึ่งผู้แข่งขันจะสามารถสอบถามข้อมูลจากกรรมการได้ ดังนี้
1. Word etymology หรือ รากของคำศัพท์ ว่ามาจากกรีก หรือ ลาติน
2. Word definition หรือความหมายของคำศัพท์ และหน้าที่ของคำศัพท์นี้ ว่าเป็นคำนาม กริยา หรือคุณศัพท์
3. Word Usage การนำ Word ไปใช้ในรูปประโยค
4. Alternative Pronounciation คำบางคำสามารถออกเสียงได้หลายแบบ ผู้บรรยายก็จะออกเสียงทุกแบบให้ ผู้แข่งขันได้ยิน
โดยประวัติของน้องแว่นไม่หนวดนี้ เค้าชื่อ Sameer Mishra อายุ 13 ปี อยู่ในระดับเกรด 8 หรือ ม. 2 เองครับ ซึ่งเรียนที่ West Lafayette Junior-Senior High School มลรัฐ อินเดียนา
และคำที่น้องคนนี้เค้าผ่านมาได้ตั้งแต่คำแรกๆของรอบสุดท้ายนี้ จนถึงรอบชนะเลิศคือ
demitasse
quadrat
diener
hyssop
macédoine
basenji
numnah
chorion
nacarat
sinicize
hyphaeresis
taleggio
esclandre
และคำสุดท้ายที่ทำให้เขาเป็น Champion ก็คือคำว่า guerdon ครับ
การแข่งขันนี้จะรวบรวมสุดยอดนักเรียนเก่งๆ จากทั่วประเทศ (อาจจะมีจากประเทศอื่นๆด้วย) มาแข่งขัน ซึ่งการแข่งขันรอบสุดท้ายจะจัดที่ ห้อง Grand Ballroom ของ the Grand Hyatt Washington hotel ที่เมือง Washington, D.C. และถ่ายดทอดสัญญาณโทรทัศน์ไปหลายๆประเทศทั่วโลก
ซึ่งกติกาการแข่งขัน ก็ไม่ยากครับ กรรมการจะเป็นคนออกเสียง (pronounce) คำศัพท์ออกมา และผู้แข่งขันก็ต้องพยายามแกะเสียงที่ได้ยินออกมาเป็นตัวสะกดให้ได้ครับ
โดยจะต้องตอบโดยใช้เวลาไม่เกิน 2 นาทีด้วยกัน
ซึ่งผู้แข่งขันจะสามารถสอบถามข้อมูลจากกรรมการได้ ดังนี้
1. Word etymology หรือ รากของคำศัพท์ ว่ามาจากกรีก หรือ ลาติน
2. Word definition หรือความหมายของคำศัพท์ และหน้าที่ของคำศัพท์นี้ ว่าเป็นคำนาม กริยา หรือคุณศัพท์
3. Word Usage การนำ Word ไปใช้ในรูปประโยค
4. Alternative Pronounciation คำบางคำสามารถออกเสียงได้หลายแบบ ผู้บรรยายก็จะออกเสียงทุกแบบให้ ผู้แข่งขันได้ยิน
โดยประวัติของน้องแว่นไม่หนวดนี้ เค้าชื่อ Sameer Mishra อายุ 13 ปี อยู่ในระดับเกรด 8 หรือ ม. 2 เองครับ ซึ่งเรียนที่ West Lafayette Junior-Senior High School มลรัฐ อินเดียนา
และคำที่น้องคนนี้เค้าผ่านมาได้ตั้งแต่คำแรกๆของรอบสุดท้ายนี้ จนถึงรอบชนะเลิศคือ
demitasse
quadrat
diener
hyssop
macédoine
basenji
numnah
chorion
nacarat
sinicize
hyphaeresis
taleggio
esclandre
และคำสุดท้ายที่ทำให้เขาเป็น Champion ก็คือคำว่า guerdon ครับ
วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
1 min Math and 1 min English Lesson 001
Fractions เศษส่วน to Decimals ทศนิยม
"Understandable" pronunciation
"Understandable" pronunciation
วันพุธที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
Mike solo with english subtitle
TO VIEW ENGLISH SUBS, CLICK ON THE BOTTOM-RIGHT BUTTON THAT LOOKS LIKE THIS ^ , THEN CLICK ON "CC"
วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
เด็กไทยเก่งน่ะ
1. เด็กไทยคว้า 1 เหรียญทอง 5 เหรียญเงิน คณิตโอลิมปิก
เมื่อวันที่ 12 ก.ค. นางพรพรรณ ไวทยางกูร ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) เปิดเผยว่า คณะผู้แทนประเทศไทยที่ได้เดินทางไปแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ ครั้งที่ 51 ประจำปี พ.ศ. 2553 จำนวน 6 คน ณ เมืองแอสตานา ประเทศคาซัคสถาน ในวันที่ 2 – 15 ก.ค. คว้า 1 เหรียญทอง 5 เหรียญเงิน จากการแข่งขันดังกล่าวโดย นายนิปุณ ปิติมานะอารี โรงเรียน สาธิต มศว.ปทุมวัน เหรียญทอง
นายธนาตย์ คุรุธัช โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เหรียญเงิน นายพงศ์ภัค ภูมิวัฒน์ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เหรียญเงิน นายภควุฒิ จิรดิลก โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เหรียญเงิน นายวิจิต ยังจิตร โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ เหรียญเงิน
และนายศุภณัฐ คำตื้อ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เหรียญเงิน
สำหรับการแข่งขันครั้งนี้มีประเทศต่าง ๆ เข้าร่วมการแข่งขัน 98 ประเทศ คะแนนรวมของประเทศเท่ากับ 148 คะแนน จัดเป็นอันดับที่ 5 ทั้งนี้ คณะผู้แทนประเทศไทยจะเดินทางกลับจากการแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิกระหว่าง ประเทศ ในวันศุกร์ที่ 16 ก.ค. เที่ยวบิน KC 931 เวลา 16.30 น. โดย สสวท. จะจัดพิธีรับที่สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 2 ด้านในประตูที่ 1
2. ได้ที่ 1 เด็กไทยเก่ง!! เอ็นทรานซ์ชนะนักเรียนจากทั่วโลก
วานนี้ (4 พ.ค.) มีรายงานแจ้งว่า มีเด็กไทยคนเก่งสามารถสอบเอ็นทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยปักกิ่ง ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของประเทศจีน และติดอันดับท็อปเทนของการจัดอันดับมหาวิทยาลัยทั่วโลก โดยเด็กไทยคนดังกล่าวยังสามารถทำ คะแนนได้สูงสุด เอาชนะนักเรียนชาวต่างชาติจากทั่วโลกที่ร่วมสอบแข่งขันเป็นจำนวนมากได้อย่างงดงาม
ทราบชื่อคือ น.ส.พิชญานิน หวังชาลาบวร หรือน้องลินิน อายุ 18 ปี ทั้งนี้ นายบรรเจอด หวังชาลาบวร อายุ 48 ปี ผู้เป็นพ่อ เล่าด้วยความภาคภูมิใจว่า หลัง จากลูกสาวจบชั้นมัธยมปีที่ 3 จาก ร.ร.สระบุรีวิทยาคม ก็ไปสอบเข้าที่ ร.ร.เตรียมอุดมศึกษา กทม. ขณะเดียวกันก็ไปสอบชิงทุน ก.พ.ของรัฐบาล และสอบได้ทั้ง 2 แห่งในเวลาเดียวกัน แต่ลูกสาวตัดสินใจเลือกไปเรียนทุน ก.พ. โดยได้ทุนเรียนตั้งแต่ระดับมัธยมปลาย จนถึงระดับปริญญาโท ในสาขาเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน
ขณะเรียนระดับ ม.4 - ม.6 ที่กรุงปักกิ่ง ได้เข้าเรียนที่ ร.ร.มัธยมฮุยเหวิน การศึกษาในโรงเรียนแห่งนี้จะต้องเข้าเรียนในแผนกนักเรียนต่างชาติ 5 เทอม และเข้าไปเรียนร่วมกับเด็กนักเรียนจีนอีก 1 เทอม ระหว่างที่เรียนจะสอบได้ที่ 1 และได้รับรางวัลจากโรงเรียนทุกเทอม
ขณะที่ น.ส.พิชญานิน หรือน้องลินิน เด็ก ไทยคนเก่งซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในประเทศจีน เผยว่า รู้สึกดีใจมากที่สอบเอ็นทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยปักกิ่งได้สำเร็จ และยังได้คะแนนรวมเป็นอันดับ 1 ของนักเรียนต่างชาติจากทั่วโลก และสิ่งที่ภาคภูมิใจคือ ทาง ร.ร.มัธยมฮุยเหวิน ได้ติดป้ายสดุดีความเก่งที่ทำชื่อเสียงและสร้างเกียรติประวัติให้แก่ โรงเรียน พร้อมยังมอบเงินรางวัล 20,000 หยวน คิดเป็นเงินไทยราว 1 แสนบาท ให้อีกด้วย
ล่าสุดทางสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุง ปักกิ่ง ได้เชิญให้ไปที่สถานทูต เพื่อร่วมงานเลี้ยงแสดงความยินดีที่นักเรียนไทยทำชื่อเสียงในประเทศจีน และ ในวันที่ 30 พ.ค.นี้ จะขึ้นรับเกียรติบัตรจาก ร.ร.ฮุยเหวิน โดยทางโรงเรียนจะให้น้องลินินขึ้นกล่าวแสดงความรู้สึกต่อหน้านักเรียนทั้ง โรงเรียน เพราะว่าน้องลินินเป็นคนไทยคนแรกที่ทำชื่อเสียงให้แก่โรงเรียนอย่างมาก
3. เด็กไทยเก่งอีกแล้ว คว้า 3 ทอง3 เงิน-วิทยาศาสตร์โอลิมปิกระดับ ม.ต้น
แข่งขัน วิทยาศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศระดับ ม.ต้น ครั้งที่ 6 ที่เมืองบากู อาเซอร์ไบจาน เยาวชน 49 ประเทศ 258 คน เข้าร่วม เด็กไทยคว้ารางวัล 3 เหรียญทอง 3 เหรียญเงิน ...
นางเย็นใจ สมวิเชียร กรรมการและเหรัญญิก มูลนิธิส่งเสริมโอลิมปิกวิชาการและพัฒนามาตรฐานวิทยาศาสตร์ศึกษา ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ (สอวน.) เปิดเผยว่า ตามที่มูลนิธิ สอวน. ส่งตัวแทนเยาวชนไทยเข้าร่วมแข่งขัน วิทยาศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศระดับ ม.ต้น ครั้งที่ 6 (6 International Junior Science Olympiad) ระหว่างวันที่ 2-11 ธ.ค. ที่เมืองบากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน โดยมีประเทศต่างๆ ส่งเยาวชนเข้าร่วมแข่งขัน 49 ประเทศ จำนวน 258 คนนั้น ผลการแข่งขันปรากฏว่า เด็กไทยได้แสดงความสามารถให้เป็นที่ประจักษ์บนเวทีโลก สามารถคว้ารางวัล 3 เหรียญทอง 3 เหรียญเงิน จากการแข่งขันครั้งนี้ โดยนักเรียนที่สามารถคว้าเหรียญทอง ได้แก่
1. เด็กชายชัยพัฒน์ วิญญูวิจิตร โรงเรียนสาธิต มศว. ปทุมวัน
2. เด็กชายณัชพล เด่นดำรงทรัพย์ โรงเรียนสาธิต มศว. ปทุมวัน
3. เด็กชายณัฐชัย ประชาพิพัฒ โรงเรียนสาธิต มศว. ปทุมวัน
4. เด็กชายพีรศักดิ์ แซ่อึ๋ง โรงเรียนสตรีภูเก็ต
5. เด็กชายธนกร วรสถิตย์ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
6. เด็กชายธีรภัทร เมืองพูล โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
อาจารย์ผู้คุมทีม ได้แก่
1. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ปิยพงษ์ สิทธิคง มหาวิทยาลัยมหิดล
2. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อภิญญา ชัยวิสุทธางกูร มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
3. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อาจอง ประทัตสุนทรสาร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
อาจารย์ผู้สังเกตการณ์
1. อาจารย์วัฒนโชติ เพร็งพริง โรงเรียนสาธิต มศว. ปทุมวัน
2. อาจารย์พิสมัย บัณฑิตสิงห์ สพฐ.
รศ.เย็น ใจกล่าวต่อว่า ผู้แทนเยาวชนทั้งหมดพร้อมคณะอาจารย์ผู้ควบคุมทีม จะเดินทางกลับมาถึงประเทศไทย ในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ โดยเที่ยวบินที่ OS 025 เวลา 15.10 น. ที่สนามบินสุวรรณภูมิ
4. รศ.วุฒิชัย กปิลกาญจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คณาจารย์ และนิสิตกว่า 50 คน เดินทางมาต้อนรับ ทีม SKUBA นิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และร่วมแสดงความยินดี หลังจากเดินทางกลับจากการแข่งขัน World RoboCup 2010 ที่ประเทศสิงคโปร์ โดยสามารถสร้างผลงานยอดเยี่ยม คว้าแชมป์โลกหุ่นยนต์เตะฟุตบอล รุ่น Small-Size League เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน ซึ่งเอาชนะทีมซีเอ็มดรากอน จากสหรัฐอเมริกา อดีตแชมป์ 4 สมัย ด้วยสกอร์ 6-1 และสามารถคว้ารางวัลเทคนิคยอดเยี่ยมอีกด้วย
รศ.วุฒิชัย กล่าวว่า ความสำเร็จในครั้งนี้เด็กไทยได้สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทย และพิสูจน์ให้เห็นว่า มีความสามารถในด้านเทคโนโลยีเทคโนโลยีหุ่นยนต์ไม่แพ้ต่างชาติ สำหรัมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์จะเสนอให้นิสิตเหล่านี้เข้ามาเป็นอาจารย์ ของมหาวิทยาลัยเป็นกรณีพิเศษ และจะมอบทุนการศึกษาระดับปริญญาโทและปริญญาเอกอีกด้วย พร้อมทั้งจะต่อยอดความรู้ต่าง ๆ ต่อไป เพื่อพัฒนาวงการเทคโนโลยีของไทย ทั้งนี้ อยากให้รัฐบาลหันมาสนับสนุนผู้ที่มีความรู้ความสามารถ เพื่อให้บุคลากรเหล่านี้เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ. -สำนักข่าวไทย
เมื่อวันที่ 12 ก.ค. นางพรพรรณ ไวทยางกูร ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) เปิดเผยว่า คณะผู้แทนประเทศไทยที่ได้เดินทางไปแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ ครั้งที่ 51 ประจำปี พ.ศ. 2553 จำนวน 6 คน ณ เมืองแอสตานา ประเทศคาซัคสถาน ในวันที่ 2 – 15 ก.ค. คว้า 1 เหรียญทอง 5 เหรียญเงิน จากการแข่งขันดังกล่าวโดย นายนิปุณ ปิติมานะอารี โรงเรียน สาธิต มศว.ปทุมวัน เหรียญทอง
นายธนาตย์ คุรุธัช โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เหรียญเงิน นายพงศ์ภัค ภูมิวัฒน์ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เหรียญเงิน นายภควุฒิ จิรดิลก โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เหรียญเงิน นายวิจิต ยังจิตร โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ เหรียญเงิน
และนายศุภณัฐ คำตื้อ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เหรียญเงิน
สำหรับการแข่งขันครั้งนี้มีประเทศต่าง ๆ เข้าร่วมการแข่งขัน 98 ประเทศ คะแนนรวมของประเทศเท่ากับ 148 คะแนน จัดเป็นอันดับที่ 5 ทั้งนี้ คณะผู้แทนประเทศไทยจะเดินทางกลับจากการแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิกระหว่าง ประเทศ ในวันศุกร์ที่ 16 ก.ค. เที่ยวบิน KC 931 เวลา 16.30 น. โดย สสวท. จะจัดพิธีรับที่สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 2 ด้านในประตูที่ 1
2. ได้ที่ 1 เด็กไทยเก่ง!! เอ็นทรานซ์ชนะนักเรียนจากทั่วโลก
วานนี้ (4 พ.ค.) มีรายงานแจ้งว่า มีเด็กไทยคนเก่งสามารถสอบเอ็นทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยปักกิ่ง ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของประเทศจีน และติดอันดับท็อปเทนของการจัดอันดับมหาวิทยาลัยทั่วโลก โดยเด็กไทยคนดังกล่าวยังสามารถทำ คะแนนได้สูงสุด เอาชนะนักเรียนชาวต่างชาติจากทั่วโลกที่ร่วมสอบแข่งขันเป็นจำนวนมากได้อย่างงดงาม
ทราบชื่อคือ น.ส.พิชญานิน หวังชาลาบวร หรือน้องลินิน อายุ 18 ปี ทั้งนี้ นายบรรเจอด หวังชาลาบวร อายุ 48 ปี ผู้เป็นพ่อ เล่าด้วยความภาคภูมิใจว่า หลัง จากลูกสาวจบชั้นมัธยมปีที่ 3 จาก ร.ร.สระบุรีวิทยาคม ก็ไปสอบเข้าที่ ร.ร.เตรียมอุดมศึกษา กทม. ขณะเดียวกันก็ไปสอบชิงทุน ก.พ.ของรัฐบาล และสอบได้ทั้ง 2 แห่งในเวลาเดียวกัน แต่ลูกสาวตัดสินใจเลือกไปเรียนทุน ก.พ. โดยได้ทุนเรียนตั้งแต่ระดับมัธยมปลาย จนถึงระดับปริญญาโท ในสาขาเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน
ขณะเรียนระดับ ม.4 - ม.6 ที่กรุงปักกิ่ง ได้เข้าเรียนที่ ร.ร.มัธยมฮุยเหวิน การศึกษาในโรงเรียนแห่งนี้จะต้องเข้าเรียนในแผนกนักเรียนต่างชาติ 5 เทอม และเข้าไปเรียนร่วมกับเด็กนักเรียนจีนอีก 1 เทอม ระหว่างที่เรียนจะสอบได้ที่ 1 และได้รับรางวัลจากโรงเรียนทุกเทอม
ขณะที่ น.ส.พิชญานิน หรือน้องลินิน เด็ก ไทยคนเก่งซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในประเทศจีน เผยว่า รู้สึกดีใจมากที่สอบเอ็นทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยปักกิ่งได้สำเร็จ และยังได้คะแนนรวมเป็นอันดับ 1 ของนักเรียนต่างชาติจากทั่วโลก และสิ่งที่ภาคภูมิใจคือ ทาง ร.ร.มัธยมฮุยเหวิน ได้ติดป้ายสดุดีความเก่งที่ทำชื่อเสียงและสร้างเกียรติประวัติให้แก่ โรงเรียน พร้อมยังมอบเงินรางวัล 20,000 หยวน คิดเป็นเงินไทยราว 1 แสนบาท ให้อีกด้วย
ล่าสุดทางสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุง ปักกิ่ง ได้เชิญให้ไปที่สถานทูต เพื่อร่วมงานเลี้ยงแสดงความยินดีที่นักเรียนไทยทำชื่อเสียงในประเทศจีน และ ในวันที่ 30 พ.ค.นี้ จะขึ้นรับเกียรติบัตรจาก ร.ร.ฮุยเหวิน โดยทางโรงเรียนจะให้น้องลินินขึ้นกล่าวแสดงความรู้สึกต่อหน้านักเรียนทั้ง โรงเรียน เพราะว่าน้องลินินเป็นคนไทยคนแรกที่ทำชื่อเสียงให้แก่โรงเรียนอย่างมาก
3. เด็กไทยเก่งอีกแล้ว คว้า 3 ทอง3 เงิน-วิทยาศาสตร์โอลิมปิกระดับ ม.ต้น
แข่งขัน วิทยาศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศระดับ ม.ต้น ครั้งที่ 6 ที่เมืองบากู อาเซอร์ไบจาน เยาวชน 49 ประเทศ 258 คน เข้าร่วม เด็กไทยคว้ารางวัล 3 เหรียญทอง 3 เหรียญเงิน ...
นางเย็นใจ สมวิเชียร กรรมการและเหรัญญิก มูลนิธิส่งเสริมโอลิมปิกวิชาการและพัฒนามาตรฐานวิทยาศาสตร์ศึกษา ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ (สอวน.) เปิดเผยว่า ตามที่มูลนิธิ สอวน. ส่งตัวแทนเยาวชนไทยเข้าร่วมแข่งขัน วิทยาศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศระดับ ม.ต้น ครั้งที่ 6 (6 International Junior Science Olympiad) ระหว่างวันที่ 2-11 ธ.ค. ที่เมืองบากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน โดยมีประเทศต่างๆ ส่งเยาวชนเข้าร่วมแข่งขัน 49 ประเทศ จำนวน 258 คนนั้น ผลการแข่งขันปรากฏว่า เด็กไทยได้แสดงความสามารถให้เป็นที่ประจักษ์บนเวทีโลก สามารถคว้ารางวัล 3 เหรียญทอง 3 เหรียญเงิน จากการแข่งขันครั้งนี้ โดยนักเรียนที่สามารถคว้าเหรียญทอง ได้แก่
1. เด็กชายชัยพัฒน์ วิญญูวิจิตร โรงเรียนสาธิต มศว. ปทุมวัน
2. เด็กชายณัชพล เด่นดำรงทรัพย์ โรงเรียนสาธิต มศว. ปทุมวัน
3. เด็กชายณัฐชัย ประชาพิพัฒ โรงเรียนสาธิต มศว. ปทุมวัน
4. เด็กชายพีรศักดิ์ แซ่อึ๋ง โรงเรียนสตรีภูเก็ต
5. เด็กชายธนกร วรสถิตย์ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
6. เด็กชายธีรภัทร เมืองพูล โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
อาจารย์ผู้คุมทีม ได้แก่
1. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ปิยพงษ์ สิทธิคง มหาวิทยาลัยมหิดล
2. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อภิญญา ชัยวิสุทธางกูร มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
3. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อาจอง ประทัตสุนทรสาร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
อาจารย์ผู้สังเกตการณ์
1. อาจารย์วัฒนโชติ เพร็งพริง โรงเรียนสาธิต มศว. ปทุมวัน
2. อาจารย์พิสมัย บัณฑิตสิงห์ สพฐ.
รศ.เย็น ใจกล่าวต่อว่า ผู้แทนเยาวชนทั้งหมดพร้อมคณะอาจารย์ผู้ควบคุมทีม จะเดินทางกลับมาถึงประเทศไทย ในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ โดยเที่ยวบินที่ OS 025 เวลา 15.10 น. ที่สนามบินสุวรรณภูมิ
4. รศ.วุฒิชัย กปิลกาญจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คณาจารย์ และนิสิตกว่า 50 คน เดินทางมาต้อนรับ ทีม SKUBA นิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และร่วมแสดงความยินดี หลังจากเดินทางกลับจากการแข่งขัน World RoboCup 2010 ที่ประเทศสิงคโปร์ โดยสามารถสร้างผลงานยอดเยี่ยม คว้าแชมป์โลกหุ่นยนต์เตะฟุตบอล รุ่น Small-Size League เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน ซึ่งเอาชนะทีมซีเอ็มดรากอน จากสหรัฐอเมริกา อดีตแชมป์ 4 สมัย ด้วยสกอร์ 6-1 และสามารถคว้ารางวัลเทคนิคยอดเยี่ยมอีกด้วย
รศ.วุฒิชัย กล่าวว่า ความสำเร็จในครั้งนี้เด็กไทยได้สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทย และพิสูจน์ให้เห็นว่า มีความสามารถในด้านเทคโนโลยีเทคโนโลยีหุ่นยนต์ไม่แพ้ต่างชาติ สำหรัมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์จะเสนอให้นิสิตเหล่านี้เข้ามาเป็นอาจารย์ ของมหาวิทยาลัยเป็นกรณีพิเศษ และจะมอบทุนการศึกษาระดับปริญญาโทและปริญญาเอกอีกด้วย พร้อมทั้งจะต่อยอดความรู้ต่าง ๆ ต่อไป เพื่อพัฒนาวงการเทคโนโลยีของไทย ทั้งนี้ อยากให้รัฐบาลหันมาสนับสนุนผู้ที่มีความรู้ความสามารถ เพื่อให้บุคลากรเหล่านี้เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ. -สำนักข่าวไทย
วันอังคารที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)