วันศุกร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2553
วันพฤหัสบดีที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2553
Pronunciation - Aesops Fables - This old guitar songs - The Big Baby - That Rabbit Belongs to Emily Brown
Come through = to succeed or do what is expected ทำสำเร็จตามที่ตั้งความหวัง
Call off ยกเลิก
RIDICULOUS น่าตลกจัง
Aesops Fables - Too Many Friends
Learn English Through Song Lesson 108 Simple Past Tense
The Big Baby - Fire
Freema Agyeman reads "That Rabbit Belongs to Emily Brown"
Another version of telling story
วันพุธที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2553
ศิลปะการพูด
ลีลาการพูด
MLM โดย อ.จตุพล
President Bill Clinton tells the TRUTH about Network Marketing (MLM)
สอบพูด : การสร้างทีม
เรียนอาจารย์ที่เคารพและสวัสดีครับเพื่อนๆที่น่ารักทุกคน ผมชัยวัฒน์ ศุภภูธรครับ
มดเอ๋ยมดแดง เล็กๆ เรี่ยวแรงเข็งขยัน
ใครกล้ำกรายมาทำร้ายถึงรังมัน ก็วิ่งพรูกรูกันมาทันที
สู้ได้หรือมิได้ใจสาหัส ปากกัดก้นต่อยไม่ถอยหนี
ถ้ารังเราใครกล้ามาราวี ต้องต่อตีทรหดเหมือนมดเอย
ฟังกลอนบทนี้แล้วเป็นไงบ้างครับ เพื่อนๆคงจะมองเห็นภาพมดตัวเล็ก ๆ ที่เวลาโดนกัดจะเจ็บแสนเจ็บเลยทีเดียว สั่นก็เพราะความสามัคคีแลกการทำงานของมดไงละครับ ทุกวันนี้การทำงานไม่ว่าจะเป็นสาขาอาชีพใดก็ตาม มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องทำงานร่วมกัน คงไม่มีใครที่สามารถทำอะไรได้เองทั้งหมด ดังนั้นการทำงานควรมีการสร้างทีมครับ วันนี้ผมก็มีหลักการสร้างทีมง่ายๆมาฝากครับ
หลักการประกอบด้วย 5 อ.ด้วยกันครับ
อ.แรก องค์กรต้องมาก่อน การทำงานเป็นทีมต้องเห็นว่าประโยชน์ส่วนรวมสำคัญกว่าประโยชน์ส่วนตัว เราควรจะทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ขององค์กรครับ
อ.ที่สองคือ อารมณ์ดี การทำงานร่วมกับผู้อื่นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ดังนั้นเราควรยิ้มแย้มร่าเริงสดใส ไม่บึ้งตึงกับเพื่อนร่วมงานครับ
อ.ที่สาม คือ อดทน การทำงานไม่ว่าจะเป็นงานเล็กหรืองานใหญ่ เราควรต้องมีความอดทนไม่ย่อท้อ เพราะการทำงานย่อมมีอุปสรรคและปัญหาเข้ามาให้แก้ไขอยู่ตลอดเวลา
อ.ที่สี่คือลุ้มอล่วย การทำงานเป็นทีมย่อมมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง เช่นความเห็นไม่ตรงกันจนนำไปสู่การถกเถียง ดังนั้นอะไรนิดอะไรหน่อยก็ควรให้อภัยกันไปครับ ถ้าต่างฝ่ายต่างไม่ยอมก็จะเกิดปัญหาตามมา
และอ. สุดท้าย อ.ที่ห้า เอาใจเขามาใส่ใจเราครับ คนแต่ละคนย่อมมาจากพื้นฐานที่แตกต่างกัน ดังนั้นเราจึงควรเข้าใจเพื่อนร่วมงานด้วย
ครับ ด้ายเส้นเดียวเมื่อดึงให้ตึงก็ขาด มดแดงอยู่ตัวเดียวก็ไม่อาจทำอันตรายใครได้ แต่ในทางตรงกันข้าม เมื่อนำด้ายมาฟั่นให้เป็นเชือกก็ดึงให้ขาดได้ยาก มดแดงเมื่อมีหลายตัวก็สามารถที่จะทำร้ายศัตรูให้พ่ายแพ้ คนเราก็เช่นเดียวกัน การอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่ม ทำงานเป็นทีม ความสำเร็จก็อยู่ไม่ไกลครับ
------------------------------------------------------------------------------------
รายการ ปากเป็นเอก
ให้ฝึกฟังการโต้วาทีให้เยอะๆ เก็บเฉพาะมุกต่างๆ และ หาลีลาการพูดที่เหมาะสมกับบุคลิกของตัวเรา
การพูดโดยฉับพลันหรือกะทันหัน เป็นการพูดที่ผู้พูดไม่รู้ตัวมาก่อนจะต้องพูดไม่ได้มีการเตรียมตัวล่วงหน้าทั้งในด้านเนื้อเรื่องที่จะพูด แต่ก็ได้รับเชิญหรือได้รับมอบหมายให้พูด จึงต้องเตรียมลำดับความคิด และวิธีนำเสนออย่างฉับพลัน เช่น การพูดกล่าวอวยพรในวันเกิด กล่าวอวยพรคู่บ่าวสาว กล่าวต้อนรับผู้มาเยือน กล่าวขอบคุณผู้มีอุปการะสนับสนุน การพูดกะทันหันนี้ หากผู้พูดได้รับเชิญในลักษณะดังกล่าวข้อที่ควรปฏิบัติเพื่อให้การพูดประสบความสำเร็จ ก็ควรปฏิบัติตนดังต่อไปนี้
- ต้องคุมสติให้มั่น อย่าประหม่าหรือตกใจตื่นเต้นจนเกินไป ทำจิตใจให้ปกติและสร้างความมั่นใจให้แก่ตนเองด้วยการสร้างความพึงพอใจและความยินดีที่จะได้พูดในโอกาสเช่นนั้น
- ให้นึกถึงประสบการณ์ต่างๆ ที่เรียนรู้หรือได้พบเห็นมา ซึ่งเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดีมีประโยชน์แก่ผู้ฟัง และเป็นเรื่องราวที่เข้ากับบรรยากาศที่จะพูด แม้ว่าขณะนั้นจะมีเวลาโอกาสสั้นๆ ก่อนจะพูดก็ควรนึกคิดรวมทั้งขณะที่เดินจากที่นั่งไปยังที่จะพูด
- กำหนดเรื่องที่จะพูดให้ชัดเจน กำหนดเวลาพูดให้เหมาะสมกับโอกาส และงานนั้นๆอย่าพูดไปโดยไม่มีการกำหนดหัวเรื่อง และกำหนดเวลาไว้เพราะจะมีผลให้การพูดไม่ดี คนฟังก็เบื่อหน่าย
คำถามฉับพลัน
1 ในความคิดของท่าน คิดว่าผู้นำควรมีลักษณะใด ?
2 ชีวิต เหมือนดั่งความฝัน ท่านเห็นด้วยหรือไม่ กับคำกล่าวนี้ ?
3 ท่านคิดว่า ผู้หญิง หรือ ผู้ชาย ใครหาเงินเก่งกว่ากัน ? ขอทราบเหตุผล.
4 โลกคือ ละคร ท่านมีความคิดเห็นอย่างไร กับคำกล่าวนี้ ?
5 ท่านคิดว่าเทวดาจะดลบันดาลโชค เคราะห์ ให้ท่านได้หรือไม่ ?
6 ท่านมีวิธีดูแลตนเองอย่างไร ให้ดูดีอยู่เสมอ ?
7 ท่านคิดว่ามีเหตุ ปัจจัย อะไรบ้าง ที่ทำให้ชีวิตมีความสุข ?
8 การนำปลาเค็มไปแช่ในน้ำเกลือที่เค็มมากกว่าจะลดความเค็มของปลาได้ ท่านเชื่อหรือไม่ ? เพราะอะไร ?
9 ท่านมีศิลปะอย่างไร ที่ทำให้การครองรัก ครองเรือนมีความสุข ?
10 ท่านมีความคิดเห็นที่จะให้ลูก หรือหลานของท่าน เรียนสาขา (คณะ )อะไร ? เพราะอะไร ?
11 สิ่งที่สำคัญที่สุด ในชีวิตของท่าน คืออะไร ? -
12 ที่ว่า ”ประสบการณ์เป็นครูที่ดีเลิศ เสียแต่ว่าค่าเล่าเรียนแพงมาก” ท่านเข้าใจว่าอย่างไร? -
13 ชีวิตหนึ่งต้องรักษาไว้อีกชีวิตต้องตาย ท่านเลือกที่จะรักษาชีวิตของแม่บังเกิดเกล้า หรือ ของลูกท่านจะเลือก รักษาชีวิตใคร ? ขอทราบเหตุผล . -
14 ระหว่างเครื่องตรวจ GT200 กับ สุนัขดมกลิ่นในการหาวัตถุระเบิด และยาเสพติด ท่านเชื่ออะไร? เพราะเหตุใด ?
15 จงให้คำแนะนำ สำหรับคนที่กำลังคิดฆ่าตัวตาย !
16 เชียงใหม่ควรมีระบบขนส่งมวลชนได้แล้วหรือยัง ? ขอทราบเหตุผล.
17 . เหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศชีลี ต่อด้วยสึนามิ ประชาชนแย่งชิงอาหาร ท่านมีความคิด ความรู้สึกอย่างไร ?
18 คำถามที่ 1. ท่านคิดว่าเรื่องใดในสังคมควรช่วยกันดูแลก่อนระหว่างวัยรุ่นติดเกมส์ และวัยรุ่นมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร ?
19 ฝ่ายอยากเป็นรัฐบาลเรียกร้องให้มีการยุบสภา ถ้ามีการเลือกตั้งใหม่ท่านคิดว่าสามารถแก้ปัญหาความขัดแย้งได้หรือไม่ ?
20 เกี่ยวกับราคาพืชผลทางเกษตร ระบบจำนำ กับ การประกันราคา ท่านคิดว่าวิธีการไหนดีที่สุด ?
ต้องการเพิ่มอีก Click
----------------------------------------------------------------------------------
ผู้พูดที่ดี
ลักษณะของผู้พูดที่ดี
ผู้พูดที่ดีจะต้องคำนึงถึงระเบียบวินัยที่ดี มีศิลปะในการพูด มีความรู้ ความสามารถในการถ่ายทอด
สามารถสื่อความหมายให้ผู้ฟังเข้าใจตรงกันสมความมุ่งหมายของผู้พูด
ผู้พูดที่ดีควรมีลักษณะดังนี้
1. มีการเตรียมพร้อมในการพูดที่ดี ซึ่งอาจแบ่งได้ดังนี้
1.1 เตรียมตน เช่น การสร้างความเชื่อมั่นในตัวเอง เตรียมวิธีการพูด การแสดงท่าทางประกอบ
ศึกษาเทคนิคการพูดของบุคคลอื่นๆ ที่ได้รับความสำเร็จ
1.2 เตรียมเรื่อง เช่น การกำหนดหัวข้อเรื่องที่จะพูด เรื่องที่จะพูดนั้น มีความรู้มากน้อยแค่ไหน
จะค้นคว้าที่ใด อย่างไร เป็นเรื่องที่น่าสนใจและเกิดประโยชน์แก่ผู้ฟังเพียงใด
1.3 เตรียมการณ์ เช่น การจะพูดนั้น จะต้องวางโครงการเรื่องต่างๆ ไว้ เช่น ข้อมูลอ้างอิงใดๆ บ้าง
จะใช้สำนวนสุภาษิต บทร้อยกรองใดมาอ้างบาง จะต้องวางโครงการเรื่องที่จะพูดไว้ว่าจะใช้เวลาเท่าใด
จึงจะเหมาะสม มีจุดยืนในความคิดที่แน่นอน ไม่วกวนกลับไปกลับมาหรือโกหกตลบตะแลง
1.4 เตรียมใจ เช่น สามารถควบคุมอารมณ์ได้ดี ถ้าผู้ฟังถามแบบลองภูมิ พูดส่อเสียด พูดคุยกันโห่ฮา
เป็นต้น
1.5 เตรียมตอบ เช่น จะต้องเปิดโอกาสให้ผู้ฟังได้ซักถามข้อสงสัย การแสดงความคิดเห็น เสนอแนะ มีความ
ยุติธรรม ไม่เอนเอียงเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดยไม่มีเหตุผล
2. มีการวิเคราะห์ผู้ฟัง เพื่อการพูดประสบความสำเร็จ ผู้พูดจะต้องคำนึงถึงผู้ฟังเป็นสำคัญ เช่น เพศ
วัย ระดับการศึกษา จำนวนที่รับฟัง อาชีพ ความสนใจ ศาสนา เวลา ลักษณะของที่ประชุม เป็นต้น ถ้า
พิจารณาสิ่งดังกล่าวนี้ ความสำเร็จในการพูดย่อมประสบผลครึ่งค่อนทางแล้ว
3. มีศิลปะในการพูด เช่น การสร้างอารมณ์ขัน มีกริยาท่าทางสุภาพ น้ำเสียงนุ่มนวลน่าฟัง รู้จักเน้นจังหวะช้า
เร็ว หนักเบาในการพูด ไม่พูดด้วยอารมณ์ มีศิลปะในการพูดดี มีถ้อยคำดี พูดถูกต้องตามการสมัย
เหมาะสม กับเวลา เหมาะสมกับบุคคล เหมาะสมกับสถานที่และโอกาส
4. มีความมุ่งมั่น ฝึกฝนการพูดสม่ำเสมอ เช่น ฝึกพูดคนเดียว หรือพูดต่อหน้ากระจก พูดต่อผู้ฟังกลุ่มเล็กๆ และ
กลุ่มใหญ่ๆ เป็นต้น เพื่อจะได้หาความชำนิชำนาญเพื่อนำข้อบกพร่องมาแก้ไขปรับปรุง กลวิธีการพูดของ
ตัวเองให้ดียิ่งขึ้น
--------------------------------------------------------------------------------
โดย : นาย กิติศักดิ์ ก้อนกลีบ, โรงเรียนทุ่งกะโล่วิทยา ต.ป่าเซ่า อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์, วันที่ 27 เมษายน 2545
การพูดชนะอารมณ์และจูงใจคน
มนุษย์ทุกคนเป็นแม้จะมีความแตกต่างกันบ้าง ชอบอะไรที่ไม่เหมือนกัน แต่มนุษย์ทุกคนก็มีความต้องการพื้นฐานบางอย่างที่เหมือนกันอย่างที่ไม่อาจปฏิเสธได้ กล่าวคือมนุษย์ทุกคนต้องมีความรัก มนุษย์ทุกคนต้องการเป็นจุดเด่น มนุษย์ทุกคนต้องการการนับหน้าถือตาจากคนอื่นอักทั้งยังอยากได้รับคำชมจากคนรอบข้าง การพูดเพื่อชนะอารมณ์ และจูงใจคนจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเรียนรู้จิตวิทยาขั้นพื้นฐานของมนุษย์เหล่านี้ เพื่อจะได้สามารถพูดได้ตรงตามความต้องการของคนฟัง และนำมาซึ่งการประสบความสำเร็จในการพูด หลักการพูดเพื่อชนะใจคนฟังมีดังนี้
วิธีชนะใจคนอื่น
การที่เราจะเอาชนะใจคนอื่นได้นั้น บุคลิกลักษณะของเรา นับได้ว่ามีความสำคัญในประการแรก เพราะในการติดต่อกับผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องใดๆ บุคลิกลักษณะย่อมมีความสำคัญ ที่จะบันดาลความสำเร็จหรือไม่ ให้แก่เรา ถ้าเรามีบุคลิกลักษณะที่ดี ย่อมเป็นสิ่งจูงใจให้คู่สนทนาของเราได้เป็นเบื้องต้น การเสริมสร้างบุคลิกที่ดีมีข้อปฏิบัติดังนี้
การแต่งกาย
การแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สะอาดรัดกุม ไม่รุ่มร่าม และเหมาะสมกับกาลเทศะ จะช่วยให้บุคลิกลักษณะดูเด่น การแต่งกายที่เรียบร้อย จะช่วยให้การดำเนินธุรกิจต่างๆ ดำเนินไปด้วยดียิ่งกว่า การแต่งตัวที่ไม่เหมาะสม นอกจากนั้นควรจะจัดแต่งทรงผม และ โกนหนวดเคราให้เรียบร้อย
ไม่เอาชนะผู้อื่นด้วยการโต้เถียง
ควรฝึกนิสัยยินยอมให้คนอื่นที่ต้องการจะพูด ได้พูดก่อนตามที่เขาปรารถนาที่จะพูด โดยที่เราเป็นฝ่ายรับฟังไม่โต้เถียง แม้ในบางครั้งเขาพูดผิดพลาด เมื่อเขาพูดจบแล้วเราจึงพูดบ้าง พูดด้วยเสียงเรียบๆ และพูดด้วยเหตุผล อารมณ์เย็น สะกดให้เขาต้องยอมรับฟังเรา และในช่วงเวลานั้นเอง ที่เขาจะได้สติ และเริ่มคิดติดตามคำพูดของเรา ซึ่งผลดีจะตกเป็นของเราในที่สุด
การรับฟังผู้อื่น
มนุษย์เราเกือบจะทุกคนที่เมื่อเขาพูดแล้ว เขาก็ต้องการ ที่จะให้เราเป็นฝ่ายฟังในสิ่งที่เขาต้องการพูด มากกว่าที่จะให้เราเป็นฝ่ายพูด และถ้าเราแสดงความสนใจให้เขาเห็นว่าเราตั้งใจฟังเขาพูด มากกว่าที่จะดึงให้เขาหันมาสนใจคำพูดของเราแล้วจะทำให้เขากลับมาสนใจเรามากยิ่งขึ้น
ศิลปะการพูดจูงใจคนอื่น
โดยปกติเมื่อเราเข้าใกล้ เพื่อติดต่อกับคนอื่น หรือเมื่อคนอื่นเข้ามามีบทบาทพัวพันกับชีวิตของเรานั้น มีบ่อยครั้งที่จิตใจเขาคิดผิดแผลกแตกต่างไปจากจิตใจของเรา ถ้าเราต้องการจะผูกใจเขาเอาไว้ให้ได้เราก็ต้องพยายามคล้อยตามเขา อย่าใช้วิธีขวางหรือทวนกลับ เพราจะทำให้เราผิดหวัง
การจะเอาชนะจิตใจคนแรกๆ เราต้องพยายามเอาชนะจิตใจของคนๆ นั้น เสียก่อน และพยามยามคล้อยตามเขา เพื่อที่จะเรียนรู้จิตใจของเขาให้ทะลุปรุโปร่ง ถ้าเราเข้าผิดทาง ความคิดระหว่างเขากับเราก็จะเกิดปะทะกัน ในการจะเข้าให้ถึง และการจะเอาชนะจิตใจคนอื่นนั้น การแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นย่อมอยู่ที่ตัวเราเอง ที่สำคัญคือเราจะต้องคอยสังเกตความรู้สึกนึกคิด และอารมณ์ของคนอื่น พยายามค้น ให้ได้ความจริงว่าเขากำลังคิดถึงเรื่องอะไร และกำลังคิดอย่างไรกับเรา จะต้องสังเกตพฤติกรรมของเขา แล้วตัดสินโดยไม่ลังเลใจ การพูดจูงใจคนอื่น มีข้อปฏิบัติดังนี้
๑. ต้องไม่ขากความสนใจ ในขณะที่กำลังสนทนากับคนอื่น และในขณะที่เขากำลังพูดและต้องการให้เราฟังนั้น ความสนใจที่เราแสดงออกนับว่าสำคัญที่สุด ในขณะที่พูดเราอาจสังเกตได้ว่า คนฟังมีลักษณะเลื่อนลอยไม่สนใจ ซึ่งเราอาจคาดเดาได้ว่า คำพูดของเรานั้นสูงเกินไป จนเขารับฟังไม่เข้าใจ หรือต่ำเกินไปจนเขาคิดเหยียดหยามไม่ต้องการฟัง และนั่นคือความบกพร่องในวิธีการพูดของเรา ซึ่งต้องนำมาปรับปรุงต่อไป
๒. การยกตัวอย่างประกอบการพูด การพูดที่จูงใจคนฟังได้นั้น จะต้องทำให้ผู้ฟังเกิดเห็นภาพปะติดปะต่อตามคำพูดของผู้พูด แต่มิใช่ว่าผู้ฟังจะมีความฉลาด พอที่จะเข้าใจอะไร ๆ ได้กว้างขวางเหมือนกันหมด ดังนั้นการพูดเรื่องที่ยากๆ ทางที่ดี ควรที่จะพูดโดยยกตัวอย่างประกอบด้วย ซึ่งจะทำให้คนฟังทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้น การเปรียบเทียบนั้นต้องพยายามเปรียบเทียบกับสิ่งที่ผู้ฟังมีความรู้จักดี อย่าเปรียบเทียบกับสิ่งที่ผู้พูดไม่เคยรู้ไม่เคยเห็นมาก่อนเป็นอันเด็ดขาด เพราะจะยิ่งทำให้คนฟังสับสนมากยิ่งขึ้น
๓. จงใช้ภาษาพูดที่ผู้ฟังเข้าใจง่าย ในการพูดเพื่อนจูงใจคนฟังนั้น ประการสำคัญที่สุดคือจะต้องไม่ลืมที่จะเลือกใช้แต่คำพูด คำศัพท์หรือสำนวนความ ที่ผู้ฟังจะสามารถเข้าใจได้ง่าย อย่าพูกดด้วยคำศัพท์หรือวลี ที่เราเข้าใจเพียงคนเดียวแต่ผู้อื่นไม่เข้าใจเป็นอันขาด ไม่ควรอวดภูมิความรู้ของตน โดยการใช้ศัพท์เฉพาะหรือศัพท์ทางวิชาการ หรือคำศัพท์ใช้ใช้ในวงวิชาชีพที่ผู้พูดเท่านั้น เพราะจะทำให้คนฟังไม่เข้าใจ และจะส่งผลให้การพูดในครั้งนั้นล้มเหลวได้
การเตรียมตัวในการพูด
ผู้ที่จะสามารถเป็นนักพูดที่ดี เป็นที่สนใจของคนฟัง ทั้งหลายในการพูดในที่ชุมชนนั้น จะต้องมีการเตรียมตัว เพื่อจะพูดไว้ให้พร้อม โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ สำหรับการพูดในที่ชุมชน ดังนั้นการเตรียมตัวการพูดขั้นแรกคือการ
๑. การออกกำลังกายอยู่เสมอ
๒. การรักษาความสะอาดร่างกาย
๓. การพักผ่อนที่เหมาะสม
๔. การกินอาหารและดื่มเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
๕. การเตรียมท่าทางในการพูด
จากหนังสือ: การพูดชนะอารมณ์และจูงใจคน
ผู้แต่ง: ม.ร.ว. ชนม์สวัสดิ์ ชมพูนุท
สำนักพิมพ์: พิทยาคาร .กรุงเทพฯ
-----------------------------------------------------------------------------------
การพูดจูงใจ
การพูดจูงใจอย่างถูกวิธีสามารถโน้มน้าวผู้อื่นให้คล้อยตามได้ดังนั้นบุคคลทุกสาขาอาชีพ เช่น นักการเมือง เช่นนักการเมือง ผู้จัดการ อาจารย์พนักงานขาย ตลอดจนบิดามารดา เป็นต้น จำเป็นต้องเข้าถึงวิธีการพูดจูงใจอย่างล้ำเลิศ การพูดจูงใจอย่างชาญฉลาดคือ พลังการพูดจูงใจนั้นเอง หากเราเป็นผู้มีพลังแห่งการพูดจูงใจ ก็จะสามารถปฏิบัติหน้าที่การงานได้อย่างสำเร็จลุล่วงด้วยดี กล่าวกันโดยทั่วไป บุคคลผู้ซึ่งพูดจูงใจได้วิเศษก็คือผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการอ่านจิตใจของผู้อื่น วิธีการปฏิบัติของพวกเค้า จะล้ำหน้ากว่าการวิจัยค้นคว้าวิจัยทางทฤษฎีตลอดไป
การพูดจูงใจมีได้หลายวิธีดังนี้
- พูดจูงใจด้วยการเปลี่ยนคำว่าเป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้
เพื่อปลุกเร้าจิตใจของผู้ไม่มีความเชื่อมั่นในตนเอง เราต้องพูดกับเขาว่า คุณต้องทำได้แน่
- การพูดจูงใจด้วยคำเยินยอ
ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามเกิดปฏิกิริยาตอบโต้ด้วยอารมณ์เคียดแค้น ของเขา
-การพูดจูงใจโดยการแสร้งเผอเรอต่อความผิดพลาดของผู้อื่น
ตักเตือนว่ากล่าวผู้อื่นเมื่อเกิดความผิดพลาดเล็กน้อย แต่แสร้งไม่เห็นความผิดพลาดมากๆ ของผู้อื่น สามารถทำให้ผู้อื่นมีความเคารพนับถือและซื่อสัตย์ต่อตัวเรา
-การพูดจูงใจโดยใช้ประโยคหลอกล่อ
วิธีจูงใจที่ดีที่สุดอีกวิธีหนึ่งคือ การทำให้ฝ่ายตรงข้ามเกิดความรู้สึกว่า แม้ขณะนี้เขาจะลำบาก ต่อไปปัญหาทุกอย่าง ก็จะคลี่คลายได้ ดังนั้นจึงควรใช้ประโยคหลอกล่อเพื่อให้คนฟังรู้สึกดีขึ้น
-การพูดจูงใจด้วยการถ่ายเททรรศนะนิยมให้เข้าหูฝ่ายตรงข้ามก่อน
การถ่ายเททรรศนะนิยมให้เข้าหูฝ่ายตรงข้ามก่อน สามมารถนำฝ่ายตรงข้ามเอนเอียงไปตามทิศทางของผู้พูด วิธีนี้สามารถเปลี่ยนจากดำให้เป็นขาวได้ โดยเฉพาะฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถแบ่งแยกบางสิ่งบางอย่างได้เด่นชัด ผู้พูดก็สามารถนำจิตใจฝ่ายตรงข้ามให้คล้อยตามความคิดเห็นของผู้พูดได้ แม้แต่หนังสือพิมพ์ หรือนิตยสารต่างๆ ยังหลีกเลี่ยงการแสดง
ความคิดเห็นของตนเองได้ยาก ในการพูดจูงใจแสดงทรรศนะนิยมของตนเองจึงต้องสอดแทรก ความคิดของผู้พูดลงไปบ้าง
-พูดจูงใจด้วยการให้ฝ่ายตรงข้ามพูดและแสดงความคิดเห็นในการพลิกแพลง
เมื่อได้รับการตอบโต้โดยไม่เหลือเยื่อใยจากฝ่ายตรงข้าม จงปล่อยให้เขาพูดจนเขาพอใจ เมื่อเขาพูดในสิ่งที่พูดจบแล้วจึงใช้โอกาสตอบโต้ฝ่ายตรงข้าม
-พูดจูงใจด้วยการให้ฝ่ายตรงข้ามคิดตรึกตรอง
เมื่อเผชิญกับฝ่ายตรงข้ามที่มีความรีบร้อน เพียงแต่เน้นให้เขาคิดตรึกตรองจะสามารถยับยั้งความรีบร้อนของเขา
-พูดจูงใจด้วยการอำพรางความคิดของตนเอง
แสร้งแสดงจุดอ่อนทางความคิด เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามมีความรู้สึกว่า ตนเองเหนือกว่า กลับสมารถสร้างภาพตรึงตราตรึงใจได้อย่างตรงกันข้าม
-พูดจูงใจด้วยการแสร้งเผยความลับของตนเอง
เมื่อเผชิญกับฝ่ายตรงข้ามซึ่งมีความตื่นเต้นมาก ควรแสร้งพูดผิดหรือใช้ภาษาพื้นเมืองเพื่อคลี่คลายความตื่นเต้นของเขา และย่นระยะความห่างของจิตใจสองฝ่ายให้สั้นลง
-พูดจูงใจโดยการเชิดชูฝ่ายตรงข้าม
เมื่อเผชิญผู้ฟังที่มีนิสัยชอบโจมตี การเชิดชูกลับทำให้เขากลับทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจเป็นการลดแรงโจมตีได้มากทีเดียว
นอกจากหลักการที่กล่าวมาข้างต้นแล้วการพูดที่ดี ควรมีการเตรียมตัวพูดกล่าวคือเมื่อทราบหลักการการพุดจูงใจแล้วควรมีการเตรียมตัวในเรื่องอื่นๆด้วย อาทิเช่น การทราบสถานที่ที่จะพูดเพื่อปรับเสียงพูด การทราบข้อมูลเบื้องต้นที่เกี่ยวกับคนฟังเช่น อายุ เพศ จำนวน เพื่อจะได้ทราบกลุ่มเป้าหมายว่า กลุ่มคนฟังต้องการอะไร มีความถนัดและความสนใจอย่างไรจะได้เตรียมเรื่องที่จะพูดได้ตรงตามความต้องการของผู้ฟัง ก่อนที่จะออกไปพูดทุกครั้ง จะต้องมีการเตรียมบทพูด และซักซ้อมบทด้วย การออกไปพูดโดยมิได้ซักซ้อมมาก่อนอาจทำให้เกิดการผิดพลาดได้ ซึ่งการพูดโดยไม่ได้เตรียมตัวไม่พึงกระทำเป็นเด็ดขาด
ศิลปะการพูดจูงใจเป็นสิ่งที่ต้องอาศัยการฝึกฝน เตรียมพร้อม ประสบการณ์ และการเตรียมตัวที่ดี ดังนั้นการจะพูดจูงใจให้ประสบความสำเร็จนั้นต้องประกอบด้วยปัจจัยต่างๆที่กล่าวมาข้างต้น ผู้พูดจูงใจที่ดีไม่ใช่ผู้มากด้วยกลอุบาย แต่เป็นผู้ที่มีความเฉลียวฉลาดในการพูดจูงใจ ไม่ว่าใครก็จะนิยมชมชอบและให้ความร่วมแรงร่วมใจด้วยความสมัครใจ
จากหนังสือ: ๔๐วิธีการพูดจูงใจ
ผู้แต่ง: ม.อึ้งอรุณ
สำนักพิมพ์: แสงดาว,2537
------------------------------------------------------------------------------------
หลักสูตรฝึกการพูด
สโมสรฝึกการพูดแห่งลานนาไทย เชียงใหม่ ได้แบ่งหลักสูตร ฝึกการพูดออกเป็น 15 บท และภาคผนวก 3 บท โดยแยกเป็น 4 ระดับ ดังนี้ ( แก้ไขปรับปรุง พฤศจิกายน 2549 )
ระดับขั้นต้น
ฝึกการพูดแบบเตรียมตัวบทที่ 1 ถึงบทที่ 5 ผู้ที่ผ่านการพูดทั้ง 5 บท จะได้รับวุฒิบัตรสำเร็จหลักสูตรการพูดแบบสากล ระดับขั้นต้น ซึ่งมีหัวข้อหลักๆดังนี้
บทที่ 1 การแนะนำตนเอง (Ice Breaking)
บทที่ 2 เหตุการณ์ประทับใจ (Be in Earnest)
บทที่ 3 การจัดลำดับขั้นตอนของสุนทรพจน์ (Organize Your Speech)
บทที่ 4 การใช้ภาษากาย (Show What You Mean)
บทที่ 5 การใช้เสียงประกอบเรื่อง (Vocal Variety)
ระดับขั้นกลาง
ฝึกการพูดแบบเตรียมตัวบทที่ 6 ถึงบทที่ 10 ผู้ที่ผ่านการพูดทั้ง 10 บท จะได้รับวุฒิบัตรสำเร็จหลักสูตรการพูดแบบ สากล ระดับขั้นกลาง ซึ่งมีหัวข้อหลักๆดังนี้
บทที่ 6 การพูดให้ผู้ฟังเข้าใจความหมายชัดเจน (Clarify Your Meaning)
บทที่ 7 การพูดโน้มน้าวใจ (Make it Persuasive)
บทที่ 8 การพูดให้ผู้ฟังจำได้ (Help Them Remember)
บทที่ 9 การพูดให้น่าสนใจ (Make it Interesting)
บทที่ 10 การพูดปลุกใจ (Inspire Your Audience)
ระดับขั้นสูง
ฝึกการพูดแบบเตรียมตัวบทที่ 11 ถึงบทที่ 15 ผู้ที่ผ่านการพูดทั้ง 15 บท จะได้รับวุฒิบัตรสำเร็จหลักสูตรการพูดแบบสากลระดับขั้นสูง ซึ่งมีหัวข้อหลักๆดังนี้
บทที่ 11 ปัญหาและแนวทางแก้ไข (Problems and Their Solution)
บทที่ 12 การใช้ราชาศัพท์ (The Use of Court Language)
บทที่ 13 การอ่านแบบพูด (Speak with Knowledge)
บทที่ 14 การพูดในโอกาสต่างๆ (Speech on Special Occassions)
บทที่ 15 การพูดฉับพลันสมบูรณ์แบบPerfect (Impromtu Speech)
วิธีการฝึกพูด
สโมสรฯจะแจกคู่มือการฝึกพูดทุกขั้นตอนอย่างละเอียดให้ไปศึกษาด้วยตนเอง
ควบคู่ไปกับการรับคำแนะนำจากที่ปรึกษาอาวุโส
และผู้เชี่ยวชาญด้านการฝึกพูดที่ผ่านการฝึกพูดระดับสูงกว่ามาแล้ว
โดยสมาชิกจะได้รับการฝึกฝนจากสถานการณ์จริงดังนี้
1. บทพูดทั้งสี่ระดับ
2. เทคนิคการพูดให้มีประสิทธิภาพ
3. เคล็ดลับในการแสดงสุนทรพจน์
4. การปรากฏกายที่แท่นพูดกับบุคลิกภาพ
5. การเปิดฉากการพูด
6. การปิดฉากการพูด
7. วิธีทำให้สุนทรพจน์กระจ่างชัด
8. วิธีทำให้ผู้ฟังสนใจในเรื่องที่พูด
9. การเตรียมการพูด
10. การประเมินการพูด
11. การตอบปัญหาฉับพลัน
12. การเป็นพิธีกร
13. การอภิปราย
14. การนำเสนอ
15. การแสดงความคิดเห็นในที่ประชุม
16. การประชุมตามหลักการสากล
โดยจะฝึกการพูดทุกวันอาทิตย์ เวลา 15.00 น. - 18.00 น.
ณ ห้องลานนาไทย โรงแรมเชียงใหม่ออคิด ถ.ห้วยแก้ว
ค่าสมาชิกตลอดชีพ 1,500 บาท
นักศึกษา 500 บาท
กรณีมาสมัครเป็นหมู่คณะ สามารถชำระได้ในราคาพิเศษ
ค่าอาหารว่างและเครื่องดื่ม
ผู้ที่สนใจมาเยี่ยมชมกิจกรรมของสโมสร
โรงแรมคิดค่าบริการเพียงครั้งละ 60 บาทเท่ากับสมาชิกทั่วไป โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆอีก
และสโมสรฯ จะชำระค่าอาหารว่างให้บางส่วนแก่ทางโรงแรมกรณีที่เป็นนักเรียน นักศึกษา
โดย เยาวชนที่กำลังศึกษาชำระเพียง ครั้งละ 40 บาท
***********************************************************************************
MLM โดย อ.จตุพล
President Bill Clinton tells the TRUTH about Network Marketing (MLM)
สอบพูด : การสร้างทีม
เรียนอาจารย์ที่เคารพและสวัสดีครับเพื่อนๆที่น่ารักทุกคน ผมชัยวัฒน์ ศุภภูธรครับ
มดเอ๋ยมดแดง เล็กๆ เรี่ยวแรงเข็งขยัน
ใครกล้ำกรายมาทำร้ายถึงรังมัน ก็วิ่งพรูกรูกันมาทันที
สู้ได้หรือมิได้ใจสาหัส ปากกัดก้นต่อยไม่ถอยหนี
ถ้ารังเราใครกล้ามาราวี ต้องต่อตีทรหดเหมือนมดเอย
ฟังกลอนบทนี้แล้วเป็นไงบ้างครับ เพื่อนๆคงจะมองเห็นภาพมดตัวเล็ก ๆ ที่เวลาโดนกัดจะเจ็บแสนเจ็บเลยทีเดียว สั่นก็เพราะความสามัคคีแลกการทำงานของมดไงละครับ ทุกวันนี้การทำงานไม่ว่าจะเป็นสาขาอาชีพใดก็ตาม มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องทำงานร่วมกัน คงไม่มีใครที่สามารถทำอะไรได้เองทั้งหมด ดังนั้นการทำงานควรมีการสร้างทีมครับ วันนี้ผมก็มีหลักการสร้างทีมง่ายๆมาฝากครับ
หลักการประกอบด้วย 5 อ.ด้วยกันครับ
อ.แรก องค์กรต้องมาก่อน การทำงานเป็นทีมต้องเห็นว่าประโยชน์ส่วนรวมสำคัญกว่าประโยชน์ส่วนตัว เราควรจะทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ขององค์กรครับ
อ.ที่สองคือ อารมณ์ดี การทำงานร่วมกับผู้อื่นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ดังนั้นเราควรยิ้มแย้มร่าเริงสดใส ไม่บึ้งตึงกับเพื่อนร่วมงานครับ
อ.ที่สาม คือ อดทน การทำงานไม่ว่าจะเป็นงานเล็กหรืองานใหญ่ เราควรต้องมีความอดทนไม่ย่อท้อ เพราะการทำงานย่อมมีอุปสรรคและปัญหาเข้ามาให้แก้ไขอยู่ตลอดเวลา
อ.ที่สี่คือลุ้มอล่วย การทำงานเป็นทีมย่อมมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง เช่นความเห็นไม่ตรงกันจนนำไปสู่การถกเถียง ดังนั้นอะไรนิดอะไรหน่อยก็ควรให้อภัยกันไปครับ ถ้าต่างฝ่ายต่างไม่ยอมก็จะเกิดปัญหาตามมา
และอ. สุดท้าย อ.ที่ห้า เอาใจเขามาใส่ใจเราครับ คนแต่ละคนย่อมมาจากพื้นฐานที่แตกต่างกัน ดังนั้นเราจึงควรเข้าใจเพื่อนร่วมงานด้วย
ครับ ด้ายเส้นเดียวเมื่อดึงให้ตึงก็ขาด มดแดงอยู่ตัวเดียวก็ไม่อาจทำอันตรายใครได้ แต่ในทางตรงกันข้าม เมื่อนำด้ายมาฟั่นให้เป็นเชือกก็ดึงให้ขาดได้ยาก มดแดงเมื่อมีหลายตัวก็สามารถที่จะทำร้ายศัตรูให้พ่ายแพ้ คนเราก็เช่นเดียวกัน การอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่ม ทำงานเป็นทีม ความสำเร็จก็อยู่ไม่ไกลครับ
------------------------------------------------------------------------------------
รายการ ปากเป็นเอก
ให้ฝึกฟังการโต้วาทีให้เยอะๆ เก็บเฉพาะมุกต่างๆ และ หาลีลาการพูดที่เหมาะสมกับบุคลิกของตัวเรา
การพูดโดยฉับพลันหรือกะทันหัน เป็นการพูดที่ผู้พูดไม่รู้ตัวมาก่อนจะต้องพูดไม่ได้มีการเตรียมตัวล่วงหน้าทั้งในด้านเนื้อเรื่องที่จะพูด แต่ก็ได้รับเชิญหรือได้รับมอบหมายให้พูด จึงต้องเตรียมลำดับความคิด และวิธีนำเสนออย่างฉับพลัน เช่น การพูดกล่าวอวยพรในวันเกิด กล่าวอวยพรคู่บ่าวสาว กล่าวต้อนรับผู้มาเยือน กล่าวขอบคุณผู้มีอุปการะสนับสนุน การพูดกะทันหันนี้ หากผู้พูดได้รับเชิญในลักษณะดังกล่าวข้อที่ควรปฏิบัติเพื่อให้การพูดประสบความสำเร็จ ก็ควรปฏิบัติตนดังต่อไปนี้
- ต้องคุมสติให้มั่น อย่าประหม่าหรือตกใจตื่นเต้นจนเกินไป ทำจิตใจให้ปกติและสร้างความมั่นใจให้แก่ตนเองด้วยการสร้างความพึงพอใจและความยินดีที่จะได้พูดในโอกาสเช่นนั้น
- ให้นึกถึงประสบการณ์ต่างๆ ที่เรียนรู้หรือได้พบเห็นมา ซึ่งเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดีมีประโยชน์แก่ผู้ฟัง และเป็นเรื่องราวที่เข้ากับบรรยากาศที่จะพูด แม้ว่าขณะนั้นจะมีเวลาโอกาสสั้นๆ ก่อนจะพูดก็ควรนึกคิดรวมทั้งขณะที่เดินจากที่นั่งไปยังที่จะพูด
- กำหนดเรื่องที่จะพูดให้ชัดเจน กำหนดเวลาพูดให้เหมาะสมกับโอกาส และงานนั้นๆอย่าพูดไปโดยไม่มีการกำหนดหัวเรื่อง และกำหนดเวลาไว้เพราะจะมีผลให้การพูดไม่ดี คนฟังก็เบื่อหน่าย
คำถามฉับพลัน
1 ในความคิดของท่าน คิดว่าผู้นำควรมีลักษณะใด ?
2 ชีวิต เหมือนดั่งความฝัน ท่านเห็นด้วยหรือไม่ กับคำกล่าวนี้ ?
3 ท่านคิดว่า ผู้หญิง หรือ ผู้ชาย ใครหาเงินเก่งกว่ากัน ? ขอทราบเหตุผล.
4 โลกคือ ละคร ท่านมีความคิดเห็นอย่างไร กับคำกล่าวนี้ ?
5 ท่านคิดว่าเทวดาจะดลบันดาลโชค เคราะห์ ให้ท่านได้หรือไม่ ?
6 ท่านมีวิธีดูแลตนเองอย่างไร ให้ดูดีอยู่เสมอ ?
7 ท่านคิดว่ามีเหตุ ปัจจัย อะไรบ้าง ที่ทำให้ชีวิตมีความสุข ?
8 การนำปลาเค็มไปแช่ในน้ำเกลือที่เค็มมากกว่าจะลดความเค็มของปลาได้ ท่านเชื่อหรือไม่ ? เพราะอะไร ?
9 ท่านมีศิลปะอย่างไร ที่ทำให้การครองรัก ครองเรือนมีความสุข ?
10 ท่านมีความคิดเห็นที่จะให้ลูก หรือหลานของท่าน เรียนสาขา (คณะ )อะไร ? เพราะอะไร ?
11 สิ่งที่สำคัญที่สุด ในชีวิตของท่าน คืออะไร ? -
12 ที่ว่า ”ประสบการณ์เป็นครูที่ดีเลิศ เสียแต่ว่าค่าเล่าเรียนแพงมาก” ท่านเข้าใจว่าอย่างไร? -
13 ชีวิตหนึ่งต้องรักษาไว้อีกชีวิตต้องตาย ท่านเลือกที่จะรักษาชีวิตของแม่บังเกิดเกล้า หรือ ของลูกท่านจะเลือก รักษาชีวิตใคร ? ขอทราบเหตุผล . -
14 ระหว่างเครื่องตรวจ GT200 กับ สุนัขดมกลิ่นในการหาวัตถุระเบิด และยาเสพติด ท่านเชื่ออะไร? เพราะเหตุใด ?
15 จงให้คำแนะนำ สำหรับคนที่กำลังคิดฆ่าตัวตาย !
16 เชียงใหม่ควรมีระบบขนส่งมวลชนได้แล้วหรือยัง ? ขอทราบเหตุผล.
17 . เหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศชีลี ต่อด้วยสึนามิ ประชาชนแย่งชิงอาหาร ท่านมีความคิด ความรู้สึกอย่างไร ?
18 คำถามที่ 1. ท่านคิดว่าเรื่องใดในสังคมควรช่วยกันดูแลก่อนระหว่างวัยรุ่นติดเกมส์ และวัยรุ่นมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร ?
19 ฝ่ายอยากเป็นรัฐบาลเรียกร้องให้มีการยุบสภา ถ้ามีการเลือกตั้งใหม่ท่านคิดว่าสามารถแก้ปัญหาความขัดแย้งได้หรือไม่ ?
20 เกี่ยวกับราคาพืชผลทางเกษตร ระบบจำนำ กับ การประกันราคา ท่านคิดว่าวิธีการไหนดีที่สุด ?
ต้องการเพิ่มอีก Click
----------------------------------------------------------------------------------
ผู้พูดที่ดี
ลักษณะของผู้พูดที่ดี
ผู้พูดที่ดีจะต้องคำนึงถึงระเบียบวินัยที่ดี มีศิลปะในการพูด มีความรู้ ความสามารถในการถ่ายทอด
สามารถสื่อความหมายให้ผู้ฟังเข้าใจตรงกันสมความมุ่งหมายของผู้พูด
ผู้พูดที่ดีควรมีลักษณะดังนี้
1. มีการเตรียมพร้อมในการพูดที่ดี ซึ่งอาจแบ่งได้ดังนี้
1.1 เตรียมตน เช่น การสร้างความเชื่อมั่นในตัวเอง เตรียมวิธีการพูด การแสดงท่าทางประกอบ
ศึกษาเทคนิคการพูดของบุคคลอื่นๆ ที่ได้รับความสำเร็จ
1.2 เตรียมเรื่อง เช่น การกำหนดหัวข้อเรื่องที่จะพูด เรื่องที่จะพูดนั้น มีความรู้มากน้อยแค่ไหน
จะค้นคว้าที่ใด อย่างไร เป็นเรื่องที่น่าสนใจและเกิดประโยชน์แก่ผู้ฟังเพียงใด
1.3 เตรียมการณ์ เช่น การจะพูดนั้น จะต้องวางโครงการเรื่องต่างๆ ไว้ เช่น ข้อมูลอ้างอิงใดๆ บ้าง
จะใช้สำนวนสุภาษิต บทร้อยกรองใดมาอ้างบาง จะต้องวางโครงการเรื่องที่จะพูดไว้ว่าจะใช้เวลาเท่าใด
จึงจะเหมาะสม มีจุดยืนในความคิดที่แน่นอน ไม่วกวนกลับไปกลับมาหรือโกหกตลบตะแลง
1.4 เตรียมใจ เช่น สามารถควบคุมอารมณ์ได้ดี ถ้าผู้ฟังถามแบบลองภูมิ พูดส่อเสียด พูดคุยกันโห่ฮา
เป็นต้น
1.5 เตรียมตอบ เช่น จะต้องเปิดโอกาสให้ผู้ฟังได้ซักถามข้อสงสัย การแสดงความคิดเห็น เสนอแนะ มีความ
ยุติธรรม ไม่เอนเอียงเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดยไม่มีเหตุผล
2. มีการวิเคราะห์ผู้ฟัง เพื่อการพูดประสบความสำเร็จ ผู้พูดจะต้องคำนึงถึงผู้ฟังเป็นสำคัญ เช่น เพศ
วัย ระดับการศึกษา จำนวนที่รับฟัง อาชีพ ความสนใจ ศาสนา เวลา ลักษณะของที่ประชุม เป็นต้น ถ้า
พิจารณาสิ่งดังกล่าวนี้ ความสำเร็จในการพูดย่อมประสบผลครึ่งค่อนทางแล้ว
3. มีศิลปะในการพูด เช่น การสร้างอารมณ์ขัน มีกริยาท่าทางสุภาพ น้ำเสียงนุ่มนวลน่าฟัง รู้จักเน้นจังหวะช้า
เร็ว หนักเบาในการพูด ไม่พูดด้วยอารมณ์ มีศิลปะในการพูดดี มีถ้อยคำดี พูดถูกต้องตามการสมัย
เหมาะสม กับเวลา เหมาะสมกับบุคคล เหมาะสมกับสถานที่และโอกาส
4. มีความมุ่งมั่น ฝึกฝนการพูดสม่ำเสมอ เช่น ฝึกพูดคนเดียว หรือพูดต่อหน้ากระจก พูดต่อผู้ฟังกลุ่มเล็กๆ และ
กลุ่มใหญ่ๆ เป็นต้น เพื่อจะได้หาความชำนิชำนาญเพื่อนำข้อบกพร่องมาแก้ไขปรับปรุง กลวิธีการพูดของ
ตัวเองให้ดียิ่งขึ้น
--------------------------------------------------------------------------------
โดย : นาย กิติศักดิ์ ก้อนกลีบ, โรงเรียนทุ่งกะโล่วิทยา ต.ป่าเซ่า อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์, วันที่ 27 เมษายน 2545
การพูดชนะอารมณ์และจูงใจคน
มนุษย์ทุกคนเป็นแม้จะมีความแตกต่างกันบ้าง ชอบอะไรที่ไม่เหมือนกัน แต่มนุษย์ทุกคนก็มีความต้องการพื้นฐานบางอย่างที่เหมือนกันอย่างที่ไม่อาจปฏิเสธได้ กล่าวคือมนุษย์ทุกคนต้องมีความรัก มนุษย์ทุกคนต้องการเป็นจุดเด่น มนุษย์ทุกคนต้องการการนับหน้าถือตาจากคนอื่นอักทั้งยังอยากได้รับคำชมจากคนรอบข้าง การพูดเพื่อชนะอารมณ์ และจูงใจคนจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเรียนรู้จิตวิทยาขั้นพื้นฐานของมนุษย์เหล่านี้ เพื่อจะได้สามารถพูดได้ตรงตามความต้องการของคนฟัง และนำมาซึ่งการประสบความสำเร็จในการพูด หลักการพูดเพื่อชนะใจคนฟังมีดังนี้
วิธีชนะใจคนอื่น
การที่เราจะเอาชนะใจคนอื่นได้นั้น บุคลิกลักษณะของเรา นับได้ว่ามีความสำคัญในประการแรก เพราะในการติดต่อกับผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องใดๆ บุคลิกลักษณะย่อมมีความสำคัญ ที่จะบันดาลความสำเร็จหรือไม่ ให้แก่เรา ถ้าเรามีบุคลิกลักษณะที่ดี ย่อมเป็นสิ่งจูงใจให้คู่สนทนาของเราได้เป็นเบื้องต้น การเสริมสร้างบุคลิกที่ดีมีข้อปฏิบัติดังนี้
การแต่งกาย
การแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สะอาดรัดกุม ไม่รุ่มร่าม และเหมาะสมกับกาลเทศะ จะช่วยให้บุคลิกลักษณะดูเด่น การแต่งกายที่เรียบร้อย จะช่วยให้การดำเนินธุรกิจต่างๆ ดำเนินไปด้วยดียิ่งกว่า การแต่งตัวที่ไม่เหมาะสม นอกจากนั้นควรจะจัดแต่งทรงผม และ โกนหนวดเคราให้เรียบร้อย
ไม่เอาชนะผู้อื่นด้วยการโต้เถียง
ควรฝึกนิสัยยินยอมให้คนอื่นที่ต้องการจะพูด ได้พูดก่อนตามที่เขาปรารถนาที่จะพูด โดยที่เราเป็นฝ่ายรับฟังไม่โต้เถียง แม้ในบางครั้งเขาพูดผิดพลาด เมื่อเขาพูดจบแล้วเราจึงพูดบ้าง พูดด้วยเสียงเรียบๆ และพูดด้วยเหตุผล อารมณ์เย็น สะกดให้เขาต้องยอมรับฟังเรา และในช่วงเวลานั้นเอง ที่เขาจะได้สติ และเริ่มคิดติดตามคำพูดของเรา ซึ่งผลดีจะตกเป็นของเราในที่สุด
การรับฟังผู้อื่น
มนุษย์เราเกือบจะทุกคนที่เมื่อเขาพูดแล้ว เขาก็ต้องการ ที่จะให้เราเป็นฝ่ายฟังในสิ่งที่เขาต้องการพูด มากกว่าที่จะให้เราเป็นฝ่ายพูด และถ้าเราแสดงความสนใจให้เขาเห็นว่าเราตั้งใจฟังเขาพูด มากกว่าที่จะดึงให้เขาหันมาสนใจคำพูดของเราแล้วจะทำให้เขากลับมาสนใจเรามากยิ่งขึ้น
ศิลปะการพูดจูงใจคนอื่น
โดยปกติเมื่อเราเข้าใกล้ เพื่อติดต่อกับคนอื่น หรือเมื่อคนอื่นเข้ามามีบทบาทพัวพันกับชีวิตของเรานั้น มีบ่อยครั้งที่จิตใจเขาคิดผิดแผลกแตกต่างไปจากจิตใจของเรา ถ้าเราต้องการจะผูกใจเขาเอาไว้ให้ได้เราก็ต้องพยายามคล้อยตามเขา อย่าใช้วิธีขวางหรือทวนกลับ เพราจะทำให้เราผิดหวัง
การจะเอาชนะจิตใจคนแรกๆ เราต้องพยายามเอาชนะจิตใจของคนๆ นั้น เสียก่อน และพยามยามคล้อยตามเขา เพื่อที่จะเรียนรู้จิตใจของเขาให้ทะลุปรุโปร่ง ถ้าเราเข้าผิดทาง ความคิดระหว่างเขากับเราก็จะเกิดปะทะกัน ในการจะเข้าให้ถึง และการจะเอาชนะจิตใจคนอื่นนั้น การแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นย่อมอยู่ที่ตัวเราเอง ที่สำคัญคือเราจะต้องคอยสังเกตความรู้สึกนึกคิด และอารมณ์ของคนอื่น พยายามค้น ให้ได้ความจริงว่าเขากำลังคิดถึงเรื่องอะไร และกำลังคิดอย่างไรกับเรา จะต้องสังเกตพฤติกรรมของเขา แล้วตัดสินโดยไม่ลังเลใจ การพูดจูงใจคนอื่น มีข้อปฏิบัติดังนี้
๑. ต้องไม่ขากความสนใจ ในขณะที่กำลังสนทนากับคนอื่น และในขณะที่เขากำลังพูดและต้องการให้เราฟังนั้น ความสนใจที่เราแสดงออกนับว่าสำคัญที่สุด ในขณะที่พูดเราอาจสังเกตได้ว่า คนฟังมีลักษณะเลื่อนลอยไม่สนใจ ซึ่งเราอาจคาดเดาได้ว่า คำพูดของเรานั้นสูงเกินไป จนเขารับฟังไม่เข้าใจ หรือต่ำเกินไปจนเขาคิดเหยียดหยามไม่ต้องการฟัง และนั่นคือความบกพร่องในวิธีการพูดของเรา ซึ่งต้องนำมาปรับปรุงต่อไป
๒. การยกตัวอย่างประกอบการพูด การพูดที่จูงใจคนฟังได้นั้น จะต้องทำให้ผู้ฟังเกิดเห็นภาพปะติดปะต่อตามคำพูดของผู้พูด แต่มิใช่ว่าผู้ฟังจะมีความฉลาด พอที่จะเข้าใจอะไร ๆ ได้กว้างขวางเหมือนกันหมด ดังนั้นการพูดเรื่องที่ยากๆ ทางที่ดี ควรที่จะพูดโดยยกตัวอย่างประกอบด้วย ซึ่งจะทำให้คนฟังทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้น การเปรียบเทียบนั้นต้องพยายามเปรียบเทียบกับสิ่งที่ผู้ฟังมีความรู้จักดี อย่าเปรียบเทียบกับสิ่งที่ผู้พูดไม่เคยรู้ไม่เคยเห็นมาก่อนเป็นอันเด็ดขาด เพราะจะยิ่งทำให้คนฟังสับสนมากยิ่งขึ้น
๓. จงใช้ภาษาพูดที่ผู้ฟังเข้าใจง่าย ในการพูดเพื่อนจูงใจคนฟังนั้น ประการสำคัญที่สุดคือจะต้องไม่ลืมที่จะเลือกใช้แต่คำพูด คำศัพท์หรือสำนวนความ ที่ผู้ฟังจะสามารถเข้าใจได้ง่าย อย่าพูกดด้วยคำศัพท์หรือวลี ที่เราเข้าใจเพียงคนเดียวแต่ผู้อื่นไม่เข้าใจเป็นอันขาด ไม่ควรอวดภูมิความรู้ของตน โดยการใช้ศัพท์เฉพาะหรือศัพท์ทางวิชาการ หรือคำศัพท์ใช้ใช้ในวงวิชาชีพที่ผู้พูดเท่านั้น เพราะจะทำให้คนฟังไม่เข้าใจ และจะส่งผลให้การพูดในครั้งนั้นล้มเหลวได้
การเตรียมตัวในการพูด
ผู้ที่จะสามารถเป็นนักพูดที่ดี เป็นที่สนใจของคนฟัง ทั้งหลายในการพูดในที่ชุมชนนั้น จะต้องมีการเตรียมตัว เพื่อจะพูดไว้ให้พร้อม โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ สำหรับการพูดในที่ชุมชน ดังนั้นการเตรียมตัวการพูดขั้นแรกคือการ
๑. การออกกำลังกายอยู่เสมอ
๒. การรักษาความสะอาดร่างกาย
๓. การพักผ่อนที่เหมาะสม
๔. การกินอาหารและดื่มเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
๕. การเตรียมท่าทางในการพูด
จากหนังสือ: การพูดชนะอารมณ์และจูงใจคน
ผู้แต่ง: ม.ร.ว. ชนม์สวัสดิ์ ชมพูนุท
สำนักพิมพ์: พิทยาคาร .กรุงเทพฯ
-----------------------------------------------------------------------------------
การพูดจูงใจ
การพูดจูงใจอย่างถูกวิธีสามารถโน้มน้าวผู้อื่นให้คล้อยตามได้ดังนั้นบุคคลทุกสาขาอาชีพ เช่น นักการเมือง เช่นนักการเมือง ผู้จัดการ อาจารย์พนักงานขาย ตลอดจนบิดามารดา เป็นต้น จำเป็นต้องเข้าถึงวิธีการพูดจูงใจอย่างล้ำเลิศ การพูดจูงใจอย่างชาญฉลาดคือ พลังการพูดจูงใจนั้นเอง หากเราเป็นผู้มีพลังแห่งการพูดจูงใจ ก็จะสามารถปฏิบัติหน้าที่การงานได้อย่างสำเร็จลุล่วงด้วยดี กล่าวกันโดยทั่วไป บุคคลผู้ซึ่งพูดจูงใจได้วิเศษก็คือผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการอ่านจิตใจของผู้อื่น วิธีการปฏิบัติของพวกเค้า จะล้ำหน้ากว่าการวิจัยค้นคว้าวิจัยทางทฤษฎีตลอดไป
การพูดจูงใจมีได้หลายวิธีดังนี้
- พูดจูงใจด้วยการเปลี่ยนคำว่าเป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้
เพื่อปลุกเร้าจิตใจของผู้ไม่มีความเชื่อมั่นในตนเอง เราต้องพูดกับเขาว่า คุณต้องทำได้แน่
- การพูดจูงใจด้วยคำเยินยอ
ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามเกิดปฏิกิริยาตอบโต้ด้วยอารมณ์เคียดแค้น ของเขา
-การพูดจูงใจโดยการแสร้งเผอเรอต่อความผิดพลาดของผู้อื่น
ตักเตือนว่ากล่าวผู้อื่นเมื่อเกิดความผิดพลาดเล็กน้อย แต่แสร้งไม่เห็นความผิดพลาดมากๆ ของผู้อื่น สามารถทำให้ผู้อื่นมีความเคารพนับถือและซื่อสัตย์ต่อตัวเรา
-การพูดจูงใจโดยใช้ประโยคหลอกล่อ
วิธีจูงใจที่ดีที่สุดอีกวิธีหนึ่งคือ การทำให้ฝ่ายตรงข้ามเกิดความรู้สึกว่า แม้ขณะนี้เขาจะลำบาก ต่อไปปัญหาทุกอย่าง ก็จะคลี่คลายได้ ดังนั้นจึงควรใช้ประโยคหลอกล่อเพื่อให้คนฟังรู้สึกดีขึ้น
-การพูดจูงใจด้วยการถ่ายเททรรศนะนิยมให้เข้าหูฝ่ายตรงข้ามก่อน
การถ่ายเททรรศนะนิยมให้เข้าหูฝ่ายตรงข้ามก่อน สามมารถนำฝ่ายตรงข้ามเอนเอียงไปตามทิศทางของผู้พูด วิธีนี้สามารถเปลี่ยนจากดำให้เป็นขาวได้ โดยเฉพาะฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถแบ่งแยกบางสิ่งบางอย่างได้เด่นชัด ผู้พูดก็สามารถนำจิตใจฝ่ายตรงข้ามให้คล้อยตามความคิดเห็นของผู้พูดได้ แม้แต่หนังสือพิมพ์ หรือนิตยสารต่างๆ ยังหลีกเลี่ยงการแสดง
ความคิดเห็นของตนเองได้ยาก ในการพูดจูงใจแสดงทรรศนะนิยมของตนเองจึงต้องสอดแทรก ความคิดของผู้พูดลงไปบ้าง
-พูดจูงใจด้วยการให้ฝ่ายตรงข้ามพูดและแสดงความคิดเห็นในการพลิกแพลง
เมื่อได้รับการตอบโต้โดยไม่เหลือเยื่อใยจากฝ่ายตรงข้าม จงปล่อยให้เขาพูดจนเขาพอใจ เมื่อเขาพูดในสิ่งที่พูดจบแล้วจึงใช้โอกาสตอบโต้ฝ่ายตรงข้าม
-พูดจูงใจด้วยการให้ฝ่ายตรงข้ามคิดตรึกตรอง
เมื่อเผชิญกับฝ่ายตรงข้ามที่มีความรีบร้อน เพียงแต่เน้นให้เขาคิดตรึกตรองจะสามารถยับยั้งความรีบร้อนของเขา
-พูดจูงใจด้วยการอำพรางความคิดของตนเอง
แสร้งแสดงจุดอ่อนทางความคิด เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามมีความรู้สึกว่า ตนเองเหนือกว่า กลับสมารถสร้างภาพตรึงตราตรึงใจได้อย่างตรงกันข้าม
-พูดจูงใจด้วยการแสร้งเผยความลับของตนเอง
เมื่อเผชิญกับฝ่ายตรงข้ามซึ่งมีความตื่นเต้นมาก ควรแสร้งพูดผิดหรือใช้ภาษาพื้นเมืองเพื่อคลี่คลายความตื่นเต้นของเขา และย่นระยะความห่างของจิตใจสองฝ่ายให้สั้นลง
-พูดจูงใจโดยการเชิดชูฝ่ายตรงข้าม
เมื่อเผชิญผู้ฟังที่มีนิสัยชอบโจมตี การเชิดชูกลับทำให้เขากลับทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจเป็นการลดแรงโจมตีได้มากทีเดียว
นอกจากหลักการที่กล่าวมาข้างต้นแล้วการพูดที่ดี ควรมีการเตรียมตัวพูดกล่าวคือเมื่อทราบหลักการการพุดจูงใจแล้วควรมีการเตรียมตัวในเรื่องอื่นๆด้วย อาทิเช่น การทราบสถานที่ที่จะพูดเพื่อปรับเสียงพูด การทราบข้อมูลเบื้องต้นที่เกี่ยวกับคนฟังเช่น อายุ เพศ จำนวน เพื่อจะได้ทราบกลุ่มเป้าหมายว่า กลุ่มคนฟังต้องการอะไร มีความถนัดและความสนใจอย่างไรจะได้เตรียมเรื่องที่จะพูดได้ตรงตามความต้องการของผู้ฟัง ก่อนที่จะออกไปพูดทุกครั้ง จะต้องมีการเตรียมบทพูด และซักซ้อมบทด้วย การออกไปพูดโดยมิได้ซักซ้อมมาก่อนอาจทำให้เกิดการผิดพลาดได้ ซึ่งการพูดโดยไม่ได้เตรียมตัวไม่พึงกระทำเป็นเด็ดขาด
ศิลปะการพูดจูงใจเป็นสิ่งที่ต้องอาศัยการฝึกฝน เตรียมพร้อม ประสบการณ์ และการเตรียมตัวที่ดี ดังนั้นการจะพูดจูงใจให้ประสบความสำเร็จนั้นต้องประกอบด้วยปัจจัยต่างๆที่กล่าวมาข้างต้น ผู้พูดจูงใจที่ดีไม่ใช่ผู้มากด้วยกลอุบาย แต่เป็นผู้ที่มีความเฉลียวฉลาดในการพูดจูงใจ ไม่ว่าใครก็จะนิยมชมชอบและให้ความร่วมแรงร่วมใจด้วยความสมัครใจ
จากหนังสือ: ๔๐วิธีการพูดจูงใจ
ผู้แต่ง: ม.อึ้งอรุณ
สำนักพิมพ์: แสงดาว,2537
------------------------------------------------------------------------------------
หลักสูตรฝึกการพูด
สโมสรฝึกการพูดแห่งลานนาไทย เชียงใหม่ ได้แบ่งหลักสูตร ฝึกการพูดออกเป็น 15 บท และภาคผนวก 3 บท โดยแยกเป็น 4 ระดับ ดังนี้ ( แก้ไขปรับปรุง พฤศจิกายน 2549 )
ระดับขั้นต้น
ฝึกการพูดแบบเตรียมตัวบทที่ 1 ถึงบทที่ 5 ผู้ที่ผ่านการพูดทั้ง 5 บท จะได้รับวุฒิบัตรสำเร็จหลักสูตรการพูดแบบสากล ระดับขั้นต้น ซึ่งมีหัวข้อหลักๆดังนี้
บทที่ 1 การแนะนำตนเอง (Ice Breaking)
บทที่ 2 เหตุการณ์ประทับใจ (Be in Earnest)
บทที่ 3 การจัดลำดับขั้นตอนของสุนทรพจน์ (Organize Your Speech)
บทที่ 4 การใช้ภาษากาย (Show What You Mean)
บทที่ 5 การใช้เสียงประกอบเรื่อง (Vocal Variety)
ระดับขั้นกลาง
ฝึกการพูดแบบเตรียมตัวบทที่ 6 ถึงบทที่ 10 ผู้ที่ผ่านการพูดทั้ง 10 บท จะได้รับวุฒิบัตรสำเร็จหลักสูตรการพูดแบบ สากล ระดับขั้นกลาง ซึ่งมีหัวข้อหลักๆดังนี้
บทที่ 6 การพูดให้ผู้ฟังเข้าใจความหมายชัดเจน (Clarify Your Meaning)
บทที่ 7 การพูดโน้มน้าวใจ (Make it Persuasive)
บทที่ 8 การพูดให้ผู้ฟังจำได้ (Help Them Remember)
บทที่ 9 การพูดให้น่าสนใจ (Make it Interesting)
บทที่ 10 การพูดปลุกใจ (Inspire Your Audience)
ระดับขั้นสูง
ฝึกการพูดแบบเตรียมตัวบทที่ 11 ถึงบทที่ 15 ผู้ที่ผ่านการพูดทั้ง 15 บท จะได้รับวุฒิบัตรสำเร็จหลักสูตรการพูดแบบสากลระดับขั้นสูง ซึ่งมีหัวข้อหลักๆดังนี้
บทที่ 11 ปัญหาและแนวทางแก้ไข (Problems and Their Solution)
บทที่ 12 การใช้ราชาศัพท์ (The Use of Court Language)
บทที่ 13 การอ่านแบบพูด (Speak with Knowledge)
บทที่ 14 การพูดในโอกาสต่างๆ (Speech on Special Occassions)
บทที่ 15 การพูดฉับพลันสมบูรณ์แบบPerfect (Impromtu Speech)
วิธีการฝึกพูด
สโมสรฯจะแจกคู่มือการฝึกพูดทุกขั้นตอนอย่างละเอียดให้ไปศึกษาด้วยตนเอง
ควบคู่ไปกับการรับคำแนะนำจากที่ปรึกษาอาวุโส
และผู้เชี่ยวชาญด้านการฝึกพูดที่ผ่านการฝึกพูดระดับสูงกว่ามาแล้ว
โดยสมาชิกจะได้รับการฝึกฝนจากสถานการณ์จริงดังนี้
1. บทพูดทั้งสี่ระดับ
2. เทคนิคการพูดให้มีประสิทธิภาพ
3. เคล็ดลับในการแสดงสุนทรพจน์
4. การปรากฏกายที่แท่นพูดกับบุคลิกภาพ
5. การเปิดฉากการพูด
6. การปิดฉากการพูด
7. วิธีทำให้สุนทรพจน์กระจ่างชัด
8. วิธีทำให้ผู้ฟังสนใจในเรื่องที่พูด
9. การเตรียมการพูด
10. การประเมินการพูด
11. การตอบปัญหาฉับพลัน
12. การเป็นพิธีกร
13. การอภิปราย
14. การนำเสนอ
15. การแสดงความคิดเห็นในที่ประชุม
16. การประชุมตามหลักการสากล
โดยจะฝึกการพูดทุกวันอาทิตย์ เวลา 15.00 น. - 18.00 น.
ณ ห้องลานนาไทย โรงแรมเชียงใหม่ออคิด ถ.ห้วยแก้ว
ค่าสมาชิกตลอดชีพ 1,500 บาท
นักศึกษา 500 บาท
กรณีมาสมัครเป็นหมู่คณะ สามารถชำระได้ในราคาพิเศษ
ค่าอาหารว่างและเครื่องดื่ม
ผู้ที่สนใจมาเยี่ยมชมกิจกรรมของสโมสร
โรงแรมคิดค่าบริการเพียงครั้งละ 60 บาทเท่ากับสมาชิกทั่วไป โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆอีก
และสโมสรฯ จะชำระค่าอาหารว่างให้บางส่วนแก่ทางโรงแรมกรณีที่เป็นนักเรียน นักศึกษา
โดย เยาวชนที่กำลังศึกษาชำระเพียง ครั้งละ 40 บาท
***********************************************************************************
วันอาทิตย์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2553
Spelling Bees - ST pronunciation and Appearance Vocab
114 Words with the /st/ Consonant Cluster
Appearance
Appearance
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)